ปฐมลิขิต: เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจเนื้อหาที่ได้นำเสนอในรูปแบบการบรรยายได้ง่ายและมากยิ่งขึ้น ผู้แปลจึงขอทำแผนภาพย่อยประกอบการเขียนอธิบายเนื้อหาต้นทางนี้ด้วย (มีข้อผิดพลาดหรือขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)
การแสวงหาในการดื่มชาของพวกเราทุกคน เป็นกระบวนการต่อเนื่องก็คือผ่านหลายๆลำดับขั้นเหล่านี้มิใช่หรือ
หลังจากที่พวกเราได้ขจัดปัญหาไม่ให้ร่างกายขาดน้ำที่พื้นฐานที่สุดโดยการดื่มน้ำชาแก้กระหาย แล้วพวกเราก็ได้ริเริ่มทำการศึกษาเพื่ออธิบายการแสดงออกทาง“ความรู้สึกทางปาก-กลิ่นหอมและรสชาติ”ของน้ำชา
“ความรู้สึกทางปาก-กลิ่นหอมและรสชาติ”ที่ก่อเกิดจากลำดับขั้นต่อมา ซึ่งก็คือ“กรรมวิธีการผลิต-พันธุ์ชาและแหล่งปลูก”
แต่เมื่อหลังจากได้ทำการศึกษาลำดับขั้นข้างต้นอย่างต่อเนื่องแล้ว ทุกคนยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ได้มาถึงลำดับขั้นที่ให้ความสำคัญต่อปัญหา“ความสะอาด”อย่างว่านั้นแหละ
แล้วก็ต่อด้วยลำดับขั้นตามมาอย่างทันที ริเริ่มโดยผ่านเรื่องราวการดื่มชาที่แสวงหาการแสดงออกของลำดับขั้น“ความรู้สึกทางสรีระ”
เมื่อมี“ความรู้สึกทางสรีระ”ที่แสดงออกมาได้ดีแล้ว ก็เริ่มค้นพบว่ามันมีผลต่อการแสดงออกทางความรู้สึกอย่าง“เบิกบานใจ”ของลำดับขั้นอารมณ์และจิตใจให้โดดเด่นขึ้นมา
เมื่อหลังจากพวกเรามีประสบการณ์ส่วนตัวที่ดีในลำดับขั้นอารมณ์และจิตใจแล้ว จึงริเริ่มตระหนักรู้ซึ้งถึงคาแรคเตอร์ทาง“โดยธรรมชาติ”ของการดื่มชา
เมื่อทำการเพิ่ม“เส้นแนวนอน”แสดงความคืบหน้าให้แก่กระบวนการนี้แล้ว มันจะเป็นตัวแทนทาง“เวลา-อายุ-ประสบการณ์” แน่นอนยังครอบคลุมถึง“การแนะนำ(ที่ถูกต้อง)-ความชำนาญ(ที่ฝึกฝน)-ความเข้าใจซึ้ง(ที่สอดคล้องกัน)”
ขอให้พวกเรากลับมาดูลำดับขั้นพื้นฐานเหล่านี้อีกครั้งว่า พวกมันไปสอดคล้องกับอะไรบ้าง
ลำดับขั้น#1 สิ่งที่มันสอดคล้องกันที่แท้ก็คือบริบทของ“ศิลปชา”
ลำดับขั้น#2 สิ่งที่มันสอดคล้องกันก็คือบริบทของ“ความรู้ชา”
ลำดับขั้น#3 “ความสะอาด” โดยเฉพาะในแวดวงของอาหารและเครื่องดื่มในปัจจุบัน ปัญหาความสะอาดที่ถูกกล่าวถึงมากขึ้น ก็คือปัญหาของ“สารพิษตกค้าง”
ลำดับขั้นต่อมาถึง“ความรู้สึกทางสรีระ” สิ่งที่พวกเราต้องการคือประสบการณ์ส่วนตัวทาง“ฉาชี่” แล้วสิ่งที่นำไปส่ความรู้สึก“เบิกบานใจ”ของลำดับขั้นอารมณ์และจิตใจ ที่พวกเราได้นิยามว่า“คุณลักษณะชา”ปรากฏออกมา
หลังจากเกิดปรากการณ์ของคุณลักษณะชาแล้ว ก็ถึงเวลาอันควรมาถึงระดับขั้นสูงของ“พิธีการชา”
บริบทของ“ศิลปชา” สิ่งที่มันต้องการก็คือ“ดื่มดี”
แล้วการศึกษาวิจัยในลำดับขั้น“ความรู้ชา”นั้น ทำให้“มืออาชีพ”ทางใบชาเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา
สิ่งที่สอดคล้องกับ“สารพิษตกค้าง”ก็คือ“ความปลอดภัย”ที่พวกเราต้องการ
“ฉาชี่”ที่ดีนำพาถึง“ความรู้สึกทางสรีระ” ทำให้เกิดความรู้สึก“สุขกาย” แล้วนำมาสู่“เบิกบานใจ”ของลำดับขั้นอารมณ์และจิตใจ ให้มีความรู้สึก“สุขกายสบายใจ”ของการดื่มชา
แล้วถึงท้ายสุดคือ“พิธีการชา” มันเสมือนกับไม่สามารถพรรณนาได้
มาถึงจุดที่สำคัญแล้ว โดยการเพิ่ม“เส้นแบ่ง”ลงในแผนภาพนี้ โดยใช้“ความสะอาด”เป็นจุดสำคัญ แบ่งออกเป็นเบื้องบนและเบื้องล่าง ที่แยกคนชาร่วมสมัยออกเป็นสองวงการเชิงตรรกะ
เมื่อเพิ่มเส้นแบ่งนี้เข้าไปแล้ว คงทำให้เพื่อนๆจู่ๆก็เห็นแสงสว่างขึ้นมา ซึ่งเส้นแบ่งนี้เป็น“เพดาน”ของวงการความรู้ชาร่วมสมัย และก็ถือเป็นเส้นสันปันน้ำที่แท้จริงของความรู้ชาดั้งเดิมกับความรู้ชาร่วมสมัย
ถ้าหากเหนือเส้นแบ่งของลำดับขั้น“ความสะอาด”คือ“ไร้สารพิษตกค้าง” นั่นเป็นการบ่งบอกถึงระบบธุรกิจชาร่วมสมัย ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานออแกนิค ล้วนไม่สามารถบรรลุถึงเส้นแบ่งสีแดงนี้ได้ นั่นก็แสดงว่ามาตรฐานออแกนิคก็มิใช่มาตรฐานไร้สารพิษตกค้าง
ทุกคนได้สังเกตเห็นไมว่า ในบริบทของการศึกษาและการอธิบายในวงการความรู้ชาร่วมสมัยนั้น มันไม่ยอมรับ“ฉาชี่”ของการดื่มชาที่นำพามาซึ่ง“ความรู้สึกทางสรีระ”ทางปรากฏการณ์ตัวร้อนเหงื่อออกที่สอดคล้องกัน รวมถึงการดื่มชาที่นำพามาซึ่ง“เบิกบานใจ”ทางอารมณ์และจิตใจ
การดื่มชาเป็นเพียงแค่หยุดอยู่ที่“ความรู้สึกทางปาก-กลิ่นหอมและรสชาติ”ที่ดี อันนำเข้าสู่ภาวะที่ศูนย์ประสาทตรงเปลือกสมองถูกกระตุ้นแล้วเกิดการหลั่งของสารโดปามีน (Dopamine) และเอ็นโดรฟีน(Endorphine;“สารแห่งความสุข”) แล้วนำพาให้พวกเราบรรลุถึงความเบิกบานทางอารมณ์และจิตใจ
นี้ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ระบบความรู้ชาร่วมสมัยของพวกเราในขอบเขตของพัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน คิดที่จะนำขอบเขตของคุณสมบัติทางสสารมาอธิบายถึงความรู้สึกในลำดับขั้นอารมณ์และจิตใจนั้น มันยังขาดแคลนอยู่มาก
กล่าวโดยตรงมากขึ้น เบื้องล่างของเส้นสันปันน้ำเส้นสีแดงนี้ มันคือความรู้ชาร่วมสมัยของพวกเรา มันเป็นบริบทที่สามารถทำการศึกษาและนำไปอธิบายได้
ส่วนเบื้องบนของเส้นแบ่งสีแดงนี้ คุณต้องยอมรับว่ามันดำรงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเพียงแค่คำลือคำเล่าอ้างในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ส่วนตัวก็ดี เป็นความรู้สึกก็ดี หรือเป็นวัฒนธรรมก็ดี แต่มันเป็นความรู้ชาดั้งเดิมของพวกเราที่ดำรงอยู่อย่างแท้จริง
เมื่อคุณเห็นด้วยกับเรื่องราวข้างต้นนี้แล้ว พวกเราก็มาเติม“เส้นแนวตั้ง”ลงในแผนภาพอีกเส้น เส้นนี้มุ่งขึ้นบน เป็นบริบทของการศึกษาที่แสดงออกถึงระดับ“มหัพภาค” มันเป็นการแสดงออกใน“เชิงซ่อนเร้น” แต่เมื่อเส้นนี้ลงสู่ล่าง มันเป็นอาณาเขตของ“จุลภาค” เป็นการแสดงออกใน“เชิงเปิดเผย”
ถ้าหากคุณยังไม่ค่อยมีความเข้าใจเช่นนี้แล้ว งั้นเส้นแนวตั้งขึ้นบน มันคือองค์ประกอบของ“ศิลปะ”แขนงหนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ผู้คนสามารถเข้าใจว่าเป็น“ขอบเขต”บริเวณหนึ่ง ส่วนเส้นแนวตั้งลงล่าง เป็นลำดับขั้นจุลภาค เป็นเป้าหมายทางการศึกษาและอธิบายโดยวิทยาศาสตร์ร่วมสมัย มันเป็นการปรากฏของ“ข้อกำหนด”ขึ้นมา
“ขอบเขต”สิ่งนี้ มันไม่สามารถพรรณนาออกมาได้ ในเมื่อขณะนี้หลังมี“ข้อกำหนด”ขึ้นมาแล้ว มันก็เป็นการแสดง“มาตรฐาน”ที่ระดับสูงต่ำออกมา
เอกสารอ้างอิง:
1. 茶产业的矛盾 : http://xhslink.com/o/4U2nyr8TWHc
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น