การชงชามีอยู่ 3 ปัจจัยพื้นฐาน : อุณหภูมิน้ำ ระยะเวลาการชงแช่ อัตราส่วนของใบชาต่อน้ำ
ทุกปัจจัยล้วนเกี่ยวข้องกับการเลือกใช้อุปกรณ์ชา อุปกรณ์ชงชาที่ใช้บ่อย : ก้ายหว่าน ปั้นจื่อซา ปั้นดินม่วง แก้วชงชา
ความแตกต่างระหว่างพวกมันคืออะไร? พวกมันเหมาะที่ใช้ชงชาอะไรบ้าง? ท่ามกลางพวกมันมีข้อดีข้อเสียหรือไม่?
1/ ความแตกต่างทางวัสดุและสัณฐาน
การเลือกใช้อุปกรณ์ชา โดยทั่วไปอยู่บนพื้นฐานของการประยุกต์ใช้ นั่นก็คืออุปกรณ์ชาลักษณะนี้สามารถนำมาชงชาได้ดีหรือไม่
ผลกระทบที่สำคัญของอุปกรณ์ชาที่มีต่อน้ำชาอยู่ที่การระบายความร้อน(การเก็บรักษาอุณหภูมิ) วัสดุ รูปร่างสัณฐานของอุปกรณ์ชาจะสัมพันธ์กับการระบายความร้อนอย่างใกล้ชิด
• วัสดุ
ก้ายหว่านโดยส่วนใหญ่เป็นเครื่องเคลือบเซรามิก ปั้นจื่อซาและปั้นดินม่วงล้วนทำจากดินเผา แก้วชงชาเป็นแก้วหรือพลาสติก
วัสดุเป็นเพียงลักษณะภายนอก ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการระบายความร้อน
ความหนาแน่นของเนื้อวัสดุที่แตกต่างกัน เรียงตามลำดับจากหนาแน่นมากไปน้อย : แก้ว > เครื่องเคลือบเนื้อละเอียด > เครื่องดินเผาเนื้อหยาบ
โครงสร้างที่มีความหนาแน่ยิ่งน้อยการระบายความร้อนยิ่งช้า ในทางกลับกันก็จะยิ่งเร็ว การระบายความร้อนช้า ก็มีผลทางการเก็ษรักษาอุณหภูมิได้ดี
ดังนั้น ในแง่ของการเก็ษรักษาอุณหภูมิ ปั้นจื่อซาจะดีกว่าปั้นดินม่วงเพราะมีโครงสร้างที่หนาแน่นน้อยกว่า ปั้นดินเผาจะดีกว่าปั้นเครื่องเคลือบ
ลงรายละเอียดอีกนิด ปั้นจื่อซามีความแตกต่างกันอันเนื่องจากวัตถุดิบดินที่ไม่เหมือนกัน : ดินจื่อหนีจะมีเนื้อค่อนข้างหยาบ ความหนาแน่นค่อนข้างต่ำ ดังนั้นดีต่อการเก็บรักษาอุณหภูมิ ดินจูหนีมีเนื้อดินค่อนข้างละเอียด การระบายความร้อนโดยเทียบเคียงจะเร็ว ดินต้วนหนีจะอยู่ระหว่างกลาง
• สัณฐาน
กล่าวโดยทั่วๆไป อัตราส่วนของปริมาตรต่อพื้นที่ผิวยิ่งมาก นั่นก็คือรูปร่างสัณฐานของอุปกรณ์จะยิ่งกลม การเก็บรักษาอุณหภูมิก็จะยิ่งดี ขณะเดียวกันปริมาตรมากก็เป็นปัจจัยข้อดีในการเก็บรักษาอุณหภูมิ
ดังนั้น สัณฐานอุปกรณ์ชายิ่งใหญ่ ยิ่งกลม ยิ่งเก็บรักษาอุณหภูมิ
2/ อุปกรณ์ชาที่แตกต่างกันเหมาะกับการชงชาอะไร?
เมื่อมีความกระจ่างกับการระบายความร้อนได้ช้าเร็วของอุปกรณ์ชาแล้ว ก็สามารถนำอุปกรณ์ชาที่แตกต่างกันมาประยุกต์ใช้ในภาวการณ์ที่ไม่เหมือนกัน
• ชาสุกผูเอ่อร์
ชาสุกผูเอ่อร์เหมาะที่ชงกับปั้นจื่อซา โดยเฉพาะปั้นจื่อซาที่เนื้อดินค่อนข้างหยาบ เนื่องจากปั้นจื่อซามีค่าสัมประสิทธิ์การนำความร้อนที่ค่อนข้างต่ำ ประสิทธิภาพในการเก็บรักษาอุณหภูมิได้ดี
จุดสำคัญของการชิมประเมินชาสุกก็คือความรู้สึกทางปากที่หนานุ่ม ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับปริมาณสารโพลิแซ็กคาไรด์ที่ละลายได้ในน้ำในน้ำชาชาสุก :
อุณหภูมิน้ำในช่วงการชงชายิ่งสูง สารโพลิแซ็กคาไรด์ก็จะสามารถละลายได้ยิ่งมาก อุณหภูมิน้ำที่สูงขึ้น1องศา สารโพลิแซ็กคาไรด์ก็จะละลายในน้ำได้มากขึ้นอีกนิด
• ชาดิบผูเอ่อร์ (ชาดิบใหม่)
ชาดิบผูเอ่อร์เหมาะที่ชงกับก้ายหว่าน เนื่องจากชาดิบประกอบด้วยสารโพลิฟีนอลส์เป็นจำนวนมาก ในการชงชาจำเป็นต้องควบคุมให้ดี มิฉะนั้นจะชงน้ำชาออกมาเข้มและขมได้ง่าย
ในการชงชาดิบมีความต้องการทางการระบายความร้อน(การเก็บรักษาอุณหภูมิ)ไม่มาก แต่จะมีความต้องการอย่างสูงต่อการชงชาที่ควบคุมได้ ลักษณะพิเศษของกระบวนการชงชาด้วยก้ายหว่านคือเข้าเร็วออกเร็วที่ทำให้นักชงชาควบคุมความเข้มจางของน้ำชาได้ง่าย
นี่เป็นเหตุผลที่เลือกใช้ก้ายหว่านเวลาทำการชงเหมาเลี่ยว(毛料) ชาดิบใหม่
• ชาดิบเก่าผูเอ่อร์
ชาดิบเก่าผูเอ่อร์อยู่ระหว่างชาดิบใหม่กับชาสุก กระบวนการชงไม่เพียงต้องประกันระดับความหนานุ่มทางความรู้สึกทางปาก แล้วก็ต้องไม่เข้มเกินไป การปฏิบัติการตามหลักการข้างต้น เหมาะที่จะเลือกใช้ปั้นดินม่วงและปั้นจูหนี
3/ สถานการณ์และความรู้สึกของพิธีกรรม
ในบรรดาอุปกรณ์ชา คุณลักษณะที่ควบคุมการชงชาได้ของแก้วชงชาอยู่ในระดับดี ถือเป็นอุปกรณ์ชาที่มี“ประโยชน์”อย่างมาก
แต่แก้วชงชาถูกดูถูกดูแคลนจัดเป็นอุปกรณ์ชาเกรดต่ำ เป็นเพราะเหตุอันใด?
เนื่องจากการชงชามิใช่เพียงแค่ดื่ม ความรู้สึกของพิธีกรรม(仪式感)จะมีความสำคัญมาก การปรากฏตัวของแก้วชงชา จะเป็นการทำลายบรรยากาศแห่งความรู้สึกของพิธีกรรมของสถานการณ์
แต่ทว่า ความรู้สึกของพิธีกรรมดำรงอยู่ได้อันเนื่องจากสภาวะการณ์
การได้ดื่มชาสักคำจากแก้วเก็บรักษาอุณหภูมิในช่วงการเดินทางท่องเที่ยว การใช้แก้วชงชามาชงชาหนึ่งจอกในช่วงการงานยุ่งเหยิง นี่มิใช่ความรู้สึกของพิธีกรรมในชีวิตง่ายๆของคนเราหรอกเหรอ?
ดังนั้น การจะเลือกใช้อุปกรณ์ชาอย่างไร? ควรดูสถานการณ์ที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และต้องดูคุณค่าซึ่งขึ้นกับบุคคล การให้เกิดสภาวะสมดุล ซึ่งขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง
เอกสารอ้างอิง :
1. 盖碗,紫砂壶,紫陶壶,飘逸杯 : 泡茶的器具你用对了吗?: https://m.ipucha.com/show-167-2237.html