วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ชาสุกผูเอ่อร์สามารถละลายไขมันหรือไม่?


        เมื่อเร็วๆนี้ วารสาร《TRENDS IN FOOD SCIENCE & TECHNOLOGY》ได้ตีพิมพ์การสรุปรวบยอดบทความวิจัยที่มีผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งจัดทำโดยคณะทำการศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรอวิ๋นหนานกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งชาติจีน

        พวกเขาได้ทำการรวบรวมผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาเกือบ 40 ปี ตั้งแต่ปี 1986 ถึงปี 2024 โดยนำมาเรียบเรียงใหม่อีกครั้ง สามารถที่จะกล่าวได้ว่าเป็นการรายงานประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ครบถ้วนที่สุดเท่าที่เคยทำกันมาสำหรับชาสุกผูเอ่อร์

        บทสรุปคือ : ชาสุกผูเอ่อร์ เป็นไปได้จริง! ซึ่งกลไกเบื้องหลัง เป็นสิ่งที่วิจิตรพิสดารเกินจิตนาการ 


        ความมีลักษณะพิเศษพาะเฉกเช่นนี้ของชาสุกผูเอ่อร์ ขึ้นอยู่กับ :


   1) “การวิ่งพลัดของจุลินทรีย์”ที่สายตามองไม่เห็น


        ชาสุกผูเอ่อร์ได้มาอย่างไร? 

        เริ่มแรกนำเหมาฉาตากเขียวมาเทเป็นกอง แล้วพรมน้ำให้ชื้น หลังจากนั้นปล่อยให้การหมักเกิดตามธรรมชาติ

        เชื้อเห็ดราชนิด Aspergillus niger/黑曲霉 และ Penicillium/青霉 จะเข้าสู่สนามโดยวิ่งพลัดเป็นไม้แรก แล้วส่งไม้ต่อให้กับเชื้อแบคทีเรีย Bacillus/芽孢杆菌 ซึ่งกระบวนการนี้เรียกว่า “การหมักกอง

        จุลินทรีย์เป็นช่างฝีมือที่มองไม่เห็น นำสารทีโพลิฟีนอลส์และคาเทชินที่ให้รสขมฝาดในใบชา ค่อยๆเกิดการสลายตัวแล้วสร้างตัวใหม่ เปลี่ยนเป็นสารสีน้ำตาลเข้ม (Theabrownins), ทีโพลิแซ็คคาไรด์ 

        นี้ก็คือความลับที่ทำไมสีของน้ำชาสุกจึงออกแดงสว่าง รสหนานุ่มไหลลื่น 

▲“การหมักกอง/渥堆发酵”ของชาสุก : คือ“การวิ่งพลัด”ของจุลินทรีย์ ก็คือ“การร่วมด้วยช่วยกัน”ของเชื้อ“เห็ดรา/真菌”และ“แบคทีเรีย/細菌”ที่ทำการย่อยสลาย คาเทชิน/儿茶素 เปลี่ยนเป็น สารสีน้ำตาลเข้ม/茶褐素, ทีโพลิแซ็คคาไรด/茶多糖


   2) “การเปลี่ยนถ่ายเลือด”ของกลุ่มจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำใส้


        ขณะนี้น้ำชาถูกคุณดื่มกลืนลงไปในท้องแล้ว ไฮไลท์จึงได้ปรากฏออกมา โดยคุณสามารถจินตนาการว่าชาสุกคือผู้จัดการในลำใส้ งานที่ทำก็คือ “เสริมเจิ้งชี่ ขับเซี่ยชี่/扶正袪邪” (ตามตำรับยาจีน ก็คือ บำรุงภูมิคุ้มกันโรค ขจัดปัจจัยก่อโรค)


        ด้านหนึ่ง มันจะส่งเสริมจุลินทรีย์ชนิดดี อย่างเช่น Bifidobacterium/双歧杆菌 และยังมี Akkermansia muciniphila/阿克曼氏菌 ที่เป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยลดน้ำหนักที่กำลังฮิตอยู่ในปัจจุบัน

        อีกด้านหนึ่ง มันต้องไปยับยั้ง Helicobacter pylori/幽冂螺杆菌 ที่เป็นเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่แฝงตัวอยู่


        ถ้าพูดในแง่ที่เป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นก็คือ มันสามารถไปลดอัตราส่วนของ Firmicutes/厚壁菌门 กับ Bacteroidetes/拟杆菌门 ในลำใส้ได้อย่างเด่นชัด อัตราส่วนนี้ฟังดูเหมือนมีความสลับซับซ้อน แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมญานามว่า “อัตราส่วนอ้วนผอม/胖瘦比” พึงระลึกเสมอว่าอัตราส่วนนี้ยิ่งต่ำ สภาวะเมตาบอลิซึมในร่างกายคุณยิ่งดี ยิ่งไม่เกิดโรคอ้วนได้ง่าย


        โครงสร้างผนังลำใส้เปลี่ยนเป็นแน่นหนาแข็งแรงมากขึ้น หนังดีก็ถึงคราวต้องลงโรงกันแล้ว 

▲ผลลัพธ์ของ“การเปลี่ยนถ่ายเลือด/大换血” : โครงสร้างผนังลำใส้ได้รับการซ่อมแซมดีขึ้น สารพิษ/毒素 (LPS : Lipopolysaccharide) จึงเข้าไปในลำใส้ไม่ได้


   3) “สวิตช์เปิดปิดการเผาผลาญไขมัน”ของร่างกาย


        จุลินทรีย์ชนิดดีเหล่านี้ีจะอาศัยสารประกอบในใบชา ทำงานอย่างต่อเนื่อง ก่อเกิดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า Short-chain fatty acids (SCFAs)

        คุณสามารถมองพวกมันเป็น ผู้ส่งสารที่ลำใส้ส่งออกไป ทันใดที่ผู้ส่งสารก่อเกิดขึ้นมา ก็จะเข้าไปในเลือดทันที เข้าไปในกองบังคับการเมตาบอลิซึมต่างๆในร่างกายคุณ


        อย่างเช่นเข้าไปในเนื้อเยื่อของตับและไขมัน เมื่อกด“สวิตช์เร่งเมตาบอลิซึม” จะมี 3 สิ่งเกิดขึ้น :

        ๑. เร่งให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้ก่อนหน้านี้

        ๒. ยับยั้งการประกอบตัวขึ้นของไขมันใหม่

        ๓. ให้อินซูลินเกิดผลประสิทธิภาพยิ่งดีขึ้น น้ำตาลในเลือดก็สามารถควบคุมมีเสถียรภาพมากขึ้น


        ข้อมูลทางคลินิกจำนวนมากล้วนยืนยันรับรองตรงจุดนี้ ผู้คนที่ดื่มชาสุกเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นรอบเอว, ไขมันในช่องท้อง, ไตรกลีเซอร์ไรด์, คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ซึ่งดัชนีชี้วัดที่ทุกคนสนใจเหล่านี้ ล้วนปรากฏออกมาในแนวบวก 

กดสวิตช์เปิดปิด : ผู้ส่งสาร (SCFAs) ไปกระตุ้นเส้นทาง PPAR-γ/AMPK ของตับให้มีฤทธิ์


   4) “เครื่องดับเพลิง”และการมองอนาคตระยะยาวของร่างกาย


        ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณอาจคาดคิดไม่ถึง อาการป่วยเล็กน้อยของผู้คนในปัจจุบัน ที่แท้ล้วนเกี่ยวข้องกับ การอักเสบเรื้อรัง/慢性炎症 และ ภาวะความเครียดออกซิเดชั่น/氧化应激 ภายในร่างกาย 

อาการป่วยเล็กน้อย/小毛病 : ปวดหัว/头痛, ปัญหาผิวหนัง/皮肤问题, เหน็ดเหนื่อย/疲劳, การเจ็บปวดตามข้อต่อต่างๆ/关节不适


        ชาสุกผูเอ่อร์จะดำเนินการอย่างไร? 

        ด้านหนึ่ง มันสามารถขจัดอนุมูลอิสระได้โดยตรง เป็นการ“ดับเพลิง”ให้ร่างกาย

        อีกด้านหนึ่ง มันสามารถช่วยคุณในการอัพเกรดระบบ Firewall กระตุ้นให้ระบบการต้านอนุมูลอิสระมีฤทธิ์ (กระตุ้นให้เซลล์สร้างโปรตีน Nrf2) ป้องกันมิให้ปัจจัยการอักเสบลุกลามไปทั่ว


        จะสังเกตเห็นว่า นี้เป็นสายโซ่ตรรกะสุขภาพที่สมบูรณ์แบบ


        สรุปได้ในประโยคเดียว : คุณค่าของชาสุกริเริ่มจากการหมัก ปฏิบัติการอยู่ในลำใส้ สุดท้ายผลประโยชน์ตกอยู่ทั่วร่างกาย 

ข้อเสนอแนะ : ชาสุกผูเอ่อร์มิใช่ยา ไม่สามารถใช้ทดแทนในการบำบัดรักษา แต่วิถีการดำเนินชีวิต มันเป็นการลงทุนระยะยาวต่อระบบนิเวศของจุลินทรีย์ในลำใส้, นับต่อจากนี้ไป ทุกวันดื่มชาสุกผูเอ่อร์หนึ่งแก้ว เป็นการเพิ่มมื้ออาหารแก่กลุ่มจุลินทรีย์ของคุณเถอะ 


      

เอกสารอ้างอิง :

1. 重磅论文揭秘普洱熟茶http://xhslink.com/o/3xl7ohDEbwW

2. หมักกอง : การโผล่ออกมาจากฟากฟ้าของ“ชาสุก” (3) : https://puerthaiblog.blogspot.com/2016/03/3_9.html

3. จุลินทรีย์หลักในหมักกอง (3) : https://puerthaiblog.blogspot.com/2016/03/3_16.html

4. จุลินทรีย์หลักในหมักกอง (4) :  https://puerthaiblog.blogspot.com/2016/03/4_17.html

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ทำไมชายิ่งดียิ่งจาง?

 


        นี้เป็นความเข้าใจผิดที่น่าสนใจและพบเห็นบ่อย ผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะเพื่อนๆที่เพิ่งเริ่มสัมผัสชา มักมีการสมมุติล่วงหน้าว่า : ของที่ราคาแพง คุณภาพดี จะต้องมีรสชาติที่เข้มข้น หนาหนัก

        แต่ทว่าชากลับตาลปัตร ชาดีชั้นเยี่นมโดยทั่วไปจะสร้างความประทับใจครั้งแรกแก่ผู้คนก็คือ “จาง”

        “จาง/淡” ในที่นี้ สิ่งที่บ่งชี้ถึงมิใช่ความเข้มจาง แต่บ่งบอกถึง “จาง” ที่ปรากฏออกมาจากชาที่ไม่มีรสชาติใดเด่นชัด ก็คือเมื่อดื่มชาเข้าปากยากที่จะบอกว่ามีรสขม, ฝาด, หวาน เป็นต้น โดยทั่วไปมันจะปรากฏรสชาติกลมกล่อม ที่ทำให้มีความรู้สึกทางปากที่กลมกลืนมีดุลยภาพ

        ซึ่งเบื้องหลังของ “จาง” ลักษณะนี้ คือการรับรู้สึกถึง “จางแต่ไม่บาง หนานุ่มยาวนาน” ที่นำพามาจากสารองค์ประกอบชั้นดีและเต็มเปี่ยม


   1) หลักการสำคัญ : รสชาติที่กลมกลืนและสมดุล


     • จินตนาการถึงการทำกลับข้าว :


        - กับข้าวทั่วๆไปจานหนึ่งอาจต้องอาศัษการใส่เกลือและผงชูรสอย่างมากเพื่อให้ได้มาซึ่งรสชาติ “เค็ม, อูมามิ” เป็นรสชาติตรงไปตรงมา มีฤทธิ์แรงกระตุ้น แต่ทานมากแล้วทำให้รู้สึกเลี่ยน

        - น้ำซุปชั้นเยี่ยมชามหนึ่ง ใช้ส่วนประกอบอาหารชั้นเลิศในอัตราส่วนทองคำ (Golden Ratio) ผ่านการต้มตุ่นอย่างประณีตและยาวนาน รสชาติจะอร่อย, กลมกล่อม, มีความเป็นลำดับขั้น แต่รสเค็มในตัวมันเองจะไม่โดดเด่น


     • ชาก็มีหลักการทำนองเดียวกัน :


        - ชาทั่วไป (รสชาติ“เข้มแรง”แต่อาจ“บางอ่อน”) : โดยมีทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารสองชนิดนี้หลักใหญ่รับผิดชอบต่อ “รสขมฝาด

           ทันทีที่ดื่มน้ำชาเข้าปาก ความรู้สึกขมฝาดที่แรงจะยึดครองโพรงปากของคุณอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณรู้สึก “มีรสชาติ” (รสหนักเข้มแบบที่ “ชาคอ” ชอบ) แต่รสชาติลักษณะนี้ขาดซึ่งความเป็นลำดับขั้น และก็ไม่เกิดการสลาย เมื่อดื่มเสร็จแล้ว โพรงปากจะรู้สึกแห้ง (ความรู้สึดฝาดยังคงค้างอยู่) นี้ก็คือ “บาง/


        - ชาดีเยี่ยม (รสชาติ“จางใส”แต่“หนานุ่ม”) : โดยมีสารองค์ประกอบอย่างเต็มเปี่ยมและมีความกลมกลืนอย่างสมดุล

          นอกจากทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีนแล้ว ยังประกอบด้วยธีอะนีน, น้ำตาลที่สามารถละลายได้ในน้ำและเพคทิน เป็นต้นในสัดส่วนที่สูง ซึ่งเป็นสารที่นำพาความรู้สึก “อูมามิ, หวาน, หนืด


        - ธีอะนีน (Theanine) : เป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญของรสหวานฉ่ำสดชื่น สามารถผ่อนคลายความรู้สึกรสขมฝาดได้ 


        - การเกิดความกลมกลืน : เมื่อปริมาณที่เป็นองค์ประกอบของธีอะนีนที่ให้รสหวานอูมามิมีมากเกินพอ มันมีผลในการ “ปรับสมดุล/中和” รสขมฝาด และ “ห่อหุ้ม/包裹” ฤทธิ์แรงกระตุ้น ซึ่งนำพามาโดยทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีน

          ความรู้สึกแรกจากการดื่มชา ไม่ใช่รสขมเพียงหนึ่งเดียว แต่เป็นหลากหลายรสชาติที่เต็มเปี่ยม, นุ่มนวล, หวานชุ่ม ที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง

          ความรู้สึกเต็มเปี่ยมที่สลับซับซ้อน จะต้องทำการชิมลิ้มรสอย่างละเมียดละไม กล่าวสำหรับตุ่มรับรสที่คุ้นเคยกับการถูกฤทธิ์แรงกระตุ้น การรับรู้สึกแรกจึงคล้ายกับ “จาง” 


▲รสชาติของใบชา : ฝาด, อูมามิ, ขม, หวาน, หนืด


   2) ความเร็วในการละลายที่แตกต่างกันของสารองค์ประกอบ


        - สารรสขมฝาดละลายได้เร็ว : ความเร็วในการละลายของทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีนจะเร็วมาก ทันทีที่ชงด้วยน้ำร้อน จะละลายออกมาอยู่ในน้ำชาอย่างรวดเร็ว


        - สารหวานอูมามิละลายได้ช้า : ความเร็วในการละลายของธีอะนีน, พอลิแซ็คคาไรด์ เป็นต้นจะค่อนข้างช้าโดยเทียบเคียง


     • นี้จึงนำไปสู่ :


        - การชงชาทั่วไป : การชงสองสามน้ำแรก สารรสขมฝาดจะทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก ส่วนสารรสหวานอูมามิยังไม่ทันที่ปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น รสชาติน้ำชาจะเข้มข้นแต่หยาบกร้าน


        - การชงชาดีเยี่ยม : เนื่องจากโครงสร้างของสารองค์ประกอบที่อัดแน่น จึงต้องใช้เวลาที่มากกว่าและอุณภูมิที่ร้อนกว่ามาทำการปลดปล่อย

          ถ้าหากการชงได้เหมาะเจาะ (อย่างเช่นอุณหภูมิน้ำไม่ร้อนเกินไป, รินน้ำชาออกเร็ว) สารรสขมฝาดและสารรสหวานอูมามิจะปลดปล่อยออกมาในความเร็วที่มีดุลยภาพมากกว่า น้ำชาที่ชงออกมาทุกจอกล้วนมีความเต็มเปี่ยมที่มีดุลยภาพ

          ถ้าหากการชงด้วยวิธีโดยแช่ทิ้งอบไว้นาน ชาดีก็จะเปลี่ยนเป็นรสขมฝาดได้เช่นกัน 


▲มีอะไรอยู่ในชาหนึ่งจอก


   3) เนื้อแท้ของ“จาง”คือ“ความเต็มเปี่ยม”และ“ความรู้สึกมีระดับ”


        “จาง” ของชาดี ถือเป็นความเข้าใจผิดรูปแบบหนึ่ง ตัวตนที่แท้จริงของมันก็คือ “ความหนา/厚度” และ “ความดื่มด่ำ/


        - น้ำชาที่ให้ความรู้สึกหนาแน่น : ดื่มน้ำชาชั้นเยี่ยมเข้าปาก คุณสามารถรู้สึกถึงมันมิใช่น้ำบางเบา แต่มีความรู้สึกของน้ำหนักและความรู้สึกเหมือนวุ้น คล้ายกับการดื่มน้ำข้าวต้มที่เข้มข้น น้ำชาดั่ง “การจับกลุ่ม/抱团” จะไหลลื่นลงลำคออย่างราบรื่น


        - หุยกานเซิงจินอย่างฉับพลันและอยู่คงค้างนาน : ชาดีหลังดื่มลงคอแล้ว ความรู้สึกฝาดในโพรงปากจะสลายอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นกานหวานปรากฏออกมาอย่างไม่ขาดสาย (หุยกาน); และก็น้ำลายสอตามใต้ลิ้นและกระพุ้งแก้มสองข้าง (เซิงจิน) เป็นความรู้สึกที่เลอเลิศที่เกิดจากภายในสู่ภายนอก จะดีเลิศและอยู่คงค้างนานกว่าความรู้สึกจากฤทธิ์แรงกระตุ้นตุ่มรับรสช่วงดื่มน้ำชาเข้าปาก


        - กลิ่นหอมที่ซ่อนอยู่ในน้ำชา : กลิ่นหอมของชาดีมิใช่ฟุ้งแพร่กระจายในอากาศ แต่จะหลอมเข้าไปอยู่ในน้ำชา สามารถรับรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมที่ลอยจากลำคอขึ้นไปยังโพรงจมูก ที่เรียกขานกันว่า “กลิ่นอยู่คงค้างก้นจอก


        - รสดื่มด่ำที่อยู่คงค้างยาวนาน : เมื่อดื่มน้ำชาดีหมดหนึ่งจอก ทั่วทั้งโพรงปากตลอดจนถึงลำคอล้วนรู้สึกเย็นชื่น ชุ่มฉ่ำ เบิกบาน การรับรู้สึกลักษณะนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน นี่ก็คือสิ่งที่กล่าวขานเป็น “ความดื่มด่ำลำคอ/喉韵” 


ความดื่มด่ำลำคอ/喉韵


     • การเปรียบเทียบโดยนัย :


        - ชาทั่วไป : เหมือนกันคนเสียงดัง เมื่อเจอหน้ากันก็จะพูดตะเบ็งตะโกน เสียงดังมาก แต่เนื้อหาว่างเปล่า ฟังนานแล้วจะรู้สึกน่าเบื่อ


        - ชาดีเยี่ยม : เหมือนนักปราชญ์ผู้รอบรู้ การพูดจาสุภาพอ่อนโยน เสียงไม่ดัง แต่คำพูดทุกคำล้วนมีน้ำหนักและเนื้อหาสาระ คุ้มค่าที่ดื่มชิมลิ้มรสอย่างละเมียดละไม แล้วจะประทับใจมิรู้ลืม


   บทสรุป


        เพราะฉะนั้น “ชาดีรสชาติจาง”เป็นความเข้าใจผิดทางรสชาติแบบคลาสสิก ที่แท้มันมิใช่รสชาติที่ิจืดชืด แต่เป็นเพราะสารองค์ประกอบเต็มเปี่ยมที่กลมกลืนมีดุลยภาพอย่างสูง ทำให้รสขมฝาดที่มีฤทธิ์แรงกระตุ้นแปรเปลี่ยนเป็นรสชาติผสมผสานที่หนานุ่ม ชุ่มชื่น เพียบพร้อมด้วยความเป็นลำดับขั้น


        - “จาง” ของชาดี คือการสนทนาไร้เสียงระหว่างต้นชากับกาลเวลา เป็นภูมิปัญญาของคนทำชาที่ภูมิใจเสนอ มันไม่ทำให้เป็นที่ชื่นชอบโดยฤทธิ์แรงกระตุ้นต่อตุ่มรับรส แต่จะพิชิตจิตวิญญาณโดยอาฟเตอร์เทส


        - “จาง” ของชาดี คือหลังจากดื่มน้ำชาเข้าปากแล้ว รสหวานอูมามิจะค่อยๆแผ่ออกเป็นชั้นๆ ความดื่มด่ำลำคอที่เย็นชื่นนุ่มนวล น้ำลายสอที่ใต้ลิ้น “ความรู้สึกมีระดับ/高级感” ลักษณะนี้ต้องอยู่ในภาวะสงบสติอารมณ์พื่อมาดักจับ ความเป็นจริงก็คือภาษาลับของกาลเวลากับ Terroir


   การดื่มชา โปรดสโลว์ไลฟ์

       ① ปล่อยวางการรอคอย “รสหนักเข้ม/重口味” : อย่าใช้ “เนื้อสัมผัส/杀口”, “ล็อกคอ/锁喉” มาเป็นตัวตัดสิน

       ② ใช้ปลายลิ้นทำการ“อ่าน”ชา : รับรู้ความรู้สึกอุ้มชู, ความละเอียดอ่อน, ความเร็วและการอยู่คงค้างสั้นยาวของหุยกานเซิงจิน 


▲【ความจริงที่ไร้ความปรานีที่สุด】 
  เมื่อคุณพูดขึ้นว่า : “ชานี้จางมาก”, ซึ่งอาจไม่ใช่ชาเป็นตัวปัญหา---
  เป็นเพราะตุ่มรับรสของคุณถูกชาปรุงแต่งกลิ่นรสตามใจจนเสียคน
  ก็เหมือนคนที่ชอบทานรสจัด จะลิ้มรสสดอร่อยของปลาซ่งฮื้อนี่งไม่ออก


เอกสารอ้างอิง :

1. 为什么越好的茶滋味越淡?http://xhslink.com/o/4JQirjyzx3b

2. 越贵的茶越淡?http://xhslink.com/o/2XkxNKpo6Wl

3. 浓非厚,淡非薄! “淡中见真味”http://xhslink.com/o/6ukr0hQUIUk

อะไรคือชาผูเอ่อร์ที่ดี?

 


        “อะไรคือชาผูเอ่อร์ที่ดี?” นี้เป็นคำถามที่เป็นแก่นสารที่สุดและก็ไม่มีคำตอบที่เป็นมาตรฐานที่สุดในโลกของชาผูเอ่อร์

        มันเสมือนกับการทำสงครามที่เหี้ยมโหด แต่ละ “สำนัก” ที่มีกรอบความคิดในการชิมลิ้มรสไม่เหมือนกันต่างก็ยึดตามคำของตนเอง ก่อเกิดชาผูเอ่อร์มีความหลากหลายเต็มพิกัด กระทั่งระบบสุนทรียภาพถูกแบ่งแยก


        การทำความเข้าใจสมรภูมิ “การแย่งชิงมาตรฐานของการชิมดื่ม” พวกเราสามารถสรุปผลออกมาเป็น 4 สำนักใหญ่ :


   1) สำนักความรู้สึกดื่มด่ำทางประสาทสัมผัส (The Sensorialists)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? กลิ่นหอมฟุ้งของใบชาแห้ง น้ำชาลื่นไหลหนานุ่ม ความขมฝาดมลายอย่างเร็วแล้วแปรเป็นกานหวาน (หุยกาน); น้ำลายสอเต็มปาก (เซิงจิน); กลิ่นหอมอยู่คงค้างลำคออย่างยาวนาน 

        ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นดอกไม้ที่สดชื่นของชาใหม่ หรือกลิ่นเก่ากลิ่นยาจีนของชาเก่า ล้วนนำพามาซึ่งความรู้สึกที่เบิกบานใจ

   

        ทันศนคติของพวกเค้า : “ชาเพื่อนำมาทำการดื่ม การดื่มดีเป็นอันดับแรก” พวกเค้าจะไม่ค่อยให้ความสนใจกับจินตนาการของ “ฉาชี่” หรืออนาคตที่ห่างไกล จะให้น้ำหนักกับความดื่มด่ำที่นำพามาโดยตุ่มรับรสที่รู้สึกได้โดยทันทีจากชาที่ชงดื่มในแต่ละจอก

        ชาตัวหนึ่งแม้จะมีศักยภาพทางพัฒนาการได้ดีในอนาคต แต่ถ้าเป็นชาใหม่มีรสขมฝาดที่ดื่มยาก ณ ขณะนี้แล้วไซร์ ในมุมมองของพวกเค้าก็ไม่ถือเป็น “ชาดี


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : เพื่อนใหม่ชาผูเอ่อร์ส่วนใหญ่ คอชาผู้หญิง และผู้บริโภคที่แสวงหาประสบการณ์ในการชิมดื่มอย่างทันทีทันใด


หุยกาน-เซิงจิน/回甘-生津


   2) สำนักความรู้สึกดื่มด่ำฉาชี่ทางร่างกายและจิตใจ (The Somatics)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? ไม่เพียงแค่ในโพรงปาก แต่จะมีการตอบสนองที่พ้องกันตามส่วนลึกของร่างกาย

        หลังการดื่มน้ำชาลงคอแล้ว จะรับรู้สึกถึงพลังงานไออุ่นที่ไหลเวียน (ฉาชี่) อันนำไปสู่การออกเหงื่อเล็กน้อยตรงด้านหลังหรือหน้าผากหรือไม่? เกิดอาการสะอึก รับรู้สึกถึงลมปราณไหลคล่องหรือไม่? ความดื่มด่ำลำคอคงค้างอยู่ได้นาน ในลำคอรู้สึกเย็นชื่นหรือหวานฉ่ำหรือไม่?

        พวกเค้าเชื่อว่านี้เป็นปรากฏการณ์จากสารองค์ประกอบในใบชาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นภาวะขอบเขตที่เหนือชั้นของชาผูเอ่อร์ที่แตกต่างจากชาชนิดอื่นๆ


        ทันศนคติของพวกเค้า : “ชาดีจะสนทนากับร่างกายคุณได้” ความรู้สึกในปาก (Mouthfeel) สามารถทำเลียนแบบขึ้นมาได้ แต่ความรู้สึกทางกาย (Feeling) ที่ลึกล้ำไม่สามารถทำเทียมขึ้นมาได้

        ชาตัวหนึ่งอาจมีกลิ่นหอมไม่แผ่ซ่าน รสชาติเรียบจาง* แต่สามารถนำพาให้ร่างกายตอบสนองออกทางสุขสมกายใจอย่างแรงกล้า นั้นเป็นการรับรู้สึกที่สุดยอด


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : คอชาอาวุโสผู้มีประสบการณ์สูง ให้ความสำคัญต่อชาที่ฝึกฝนและปลูกฝังตนเอง


▲“ฉาชี่/茶气” จากชา เปรียบเสมือน “พลังงาน/能量” จากอาหาร


   3) สำนักประมาณการศักยภาพในอนาคต (The Futurists)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? พวกเค้าราวกับผู้ชำนาญการในการเห็นคุณค่าของวัตถุโบราณหรือเหล้าเก่า เมื่อทำการชิมดื่มชาใหม่ จะทะลวงเข้าไปถึงรสขมฝาดและฤทธิ์แรงกระตุ้นได้โดยทันที แล้วไปทำการวิเคราะห์ความเด่นด้อยของ “วัตถุดิบ

        พวกเค้าสนใจต่อ “ความหนืด” ของน้ำชา (ฟลูบอดี้หรือไม่?) ความเร็วใน “การสลาย” ของรสขมฝาด และ “การอยู่คงค้างยาวสั้น” ของอาฟเตอร์เทส

        พวกเค้าอาศัษสัญญาณเหล่านี้ มาตัดสินว่าสารองค์ประกอบในใบชามีครบถ้วนบริบูรณ์หรือไม่ กรรมวิธีการผลิตจะคงไว้พื้นที่ที่เพียงพอสำหรับพัฒนาการต่อไปหรือไม่


        ทันศนคติของพวกเค้า : “ลูกเป็ดขี้เหร่ในวันนี้ อาจสามารถเป็นหงส์ขาวในวันหน้า

        ชาใหม่ตัวหนึ่งอาจไม่ค่อยถูกปาก แต่ขอเพียงให้มีสารองค์ประกอบที่เต็มเปี่ยมแล้วไซร์ และผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ถูกต้อง ก็คือ “หุ้นที่มีศักยภาพสูง

        ความเพลิดเพลินของพวกเค้าคือการได้เห็นประจักษ์และการมีส่วนร่วมในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : นักสะสมใบชา นักลงทุน และผู้ชื่นชอบและสนุกในการจัดเก็บชา


ลูกเป็ดขี้เหร่เปลี่ยนร่างเป็นหงส์ขาว แสดงออกถึงศักยภาพภายในและพลังที่ตระหนักด้วยตนเอง


   4) สำนักแตร์รัวร์นิยม (The Terroirists)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? พวกเค้าสามารถแยกแยะ “ดุดัน/霸气” ของเหล่าปานจาง; “หวานน้ำตาลกรวด/冰糖甜” ของปิงเต่า; “อ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง/柔中有刚” ของยี่หวู่ ได้อย่างเฉียบแหลม

        พวกเค้าแสวงหาความบริสุทธิ์ที่ยิ่งยวด โดยเชื่อว่า“การเบลน”จะทำให้เกิดความสับสนต่อบุคลิคของแหล่งการผลิต ชาดีจอกหนึ่ง ก็คือแผ่นที่ Terroir ที่แม่นยำ


        ทันศนคติของพวกเค้า : คุณค่าของชาผูเอ่อร์อยู่ที่คุณลักษณะที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ กล่าวสำหรับพวกเค้าแล้ว การได้ดื่มทำความเข้าใจถึงรสดื่มด่ำที่พิเศษเฉพาะของแต่ละดอยแล้ว เป็นความสุขอย่างสุดซึ้งของการชิมดื่มชาผูเอ่อร์

        ชาเบลนตัวหนึ่งอาจมีรสชาติที่กลมกล่อมโดยผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ละเอียดประณีต แต่จะขาดซึ่ง “วิญญาณ” แห่ง Terroir 


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : ผู้ติดตามชาต้นโบราณดอยดัง ผู้ชื่นชอบเขตพื้นที่การผลิตอย่างสุดซึ้ง


▲เข้าใจ Terroir --- คือเส้นทางที่ต้องเดินในการ “ดื่มอย่างเข้าถึง” ชาผูเอ่อร์ 

     

เพราะฉะนั้น “อะไรคือชาผูเอ่อร์ที่ดี?”

คำตอบก็คือ : ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว แต่คุณสามารถเสาะหาคำตอบสำหรับตัวคุณเอง


• ข้อเสนอแนะสำหรับคุณ :


      - ความต้องการของคุณต้องเด่นชัด : คุณคิดว่าจะหาเครื่องดื่มหนึ่งที่วันนี้ดื่มแล้วสบายใจ หรือเป็นการลงทุนสำหรับอนาคต? คุณคิดที่จะมีความรู้สึกที่ตอบสนองพ้องกันของร่างกาย หรือคิดที่จะชิมลิ้มรสที่เป็นแก่นสารของลักษณะภูมิประเทศ?


      - ดื่มให้เยอะ เปรียบเทียบให้มาก : ก็มีเพียงผ่านการชิมดื่มเปรียบเทียบชาที่ี่แต่ละสำนักยอมรับว่า “ดี” จึงจะสามารถสร้างพิกัดการับรสและระบบการประเมินของตนเอง 


      - เชื่อมั่นในความรู้สึกของตนเอง : สุดท้าย ชาเป็นสิ่งที่บริการเพื่อท่าน โพรงปากและร่างกายจะพูดความจริงกับคุณ “ถูกปากเป็นสิ่งล้ำค่า/适口为珍”เป็นกฏที่จริงแท้แน่นอน

        การทำความเข้าใจบนพื้นฐานของข้อโต้แย้งข้างต้น การเสาะหาชาที่นำพาคุณให้มีความรู้สึกสุขกายสบายใจและพึงพอใจที่แท้จริง กล่าวสำหรับตัวคุณแล้ว นั่นก็คือชาผูเอ่อร์ที่ดีที่สุด


หมายเหตุ :

- รสชาติเรียบจาง*  : โปรดติดตามอ่านบทความ《ทำไมชายิ่งดียิ่งจาง?


เอกสารอ้างอิง :

1. 品饮标准之争 : 什么是好普洱茶?http://xhslink.com/o/49Y1EAoclAQ

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ราคาแพงเกินควรของชาต้นโบราณดอยดัง

 


        นี้เป็นปัญหาที่เป็นแก่นสารและก็ร้อนแรงที่สุดในวงการชาผูเอ่อร์ กรณี “ราคาแพงเกินควรของชาต้นโบราณดอยดัง” ซึ่งไม่ว่าจะ “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ล้วนไม่สามารถสรุปออกมาโดยภาพรวมได้

        พวกเราสามารถเริ่มจากมุมมอง “สมกับราคา/物有所值” และ “การปั่นราคา/资本炒作” ซึ่งเป็นปฏิปักษ์แต่ก็ผสมผสานกันมาทำการวิเคราะห์เชิงลึก :


   1) เหตุผลที่สนับสนุน“สมกับราคา” (ความขาดแคลนและคุณภาพพื้นฐาน)


        ราคาที่แพงเกินกว่าที่ควรมิใช่ไม่มีที่มาที่ไป เบื้องหลังค้ำจุนด้วยตรรกะทางการตลาดและคุณภาพที่มีอยู่จริง 


     • ความขาดแคลนอย่างยิ่งยวด (แรงขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจสำคัญ) :


        - แตร์รัวร์ที่ไม่สามารถก๊อบปี้ได้ : ดอยดังที่มีชื่อเสียงมากสุด(เช่น เหล่าปานจาง, ปิงเต่า) จะมีดิน; ภูมิอากาศ; ลักษณะภูมิประเทศ; ระบบนิเวศ ที่มีลักษณะพิเศษเฉพาะ ซึ่งก็คือ “Terroir” คาแรคเตอร์ลักษณะนี้จะมีความเป็นท้องถิ่นที่แรงกล้า ซึ่งไม่สารถทำเลียนแบบได้ 


        - ต้นชาโบราณอันเป็นทัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างจำกัด : ต้นชาโบราณที่มีอายุต้น100ปีขึ้นไปถือเป็นโบราณวัตถุที่มีชีวิต จำนวนมีจำกัดมาก อย่างเช่นชาต้นโบราณจากปิงเต่าเหล่าไจ้ที่เป็นของแทร่ที่มีปริมาณการผลิตเพียงไม่กี่ตันต่อปี แต่ตลาดมีความต้องการเป็นร้อยพันเท่าของมัน ในเมื่อดีมานซัพพลายไม่มีความสมดุลเป็นอย่างมากเช่นนี้เป็นสาเหตุต้นตอของราคาสูง 

▲“ปิงเต่าเหล่าไจ้/冰岛老寨”: เป็นแหล่งที่ดังสุดใน 5 แหล่งชาของปิงเต่า เริ่มเพาะปลูกต้นชาในปี 1485 มีต้นชาโบราณอายุมากกว่า 100 ปีหลงเหลืออยู่ 4954 ต้น ผลผลิตชาฤดูใบไม้ผลิทุกปีจากต้นชาโบราณที่อายุ 300 ปีขึ้นไปไม่เกิน 2.60 ตัน 


     • คุณภาพที่ยอดเยี่ยมและรับรู้สัมผัสได้ :


        - คาแรคเตอร์ซึ่งมีเสน่ห์ที่พิเศษเฉพาะ : “ฉาชี่ที่ดุดัน/霸气茶气” ของเหล่าปานจาง; “หวานดั่งน้ำตาลกรวด/冰糖甜韵” ของปิงเต่า; “กลิ่นหอมฟุ้งรสนุ่ม/香扬水柔” ของยี่หวู่ ชาดอยดังที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ได้นำเสนอการรับรู้สึกโดยประสาทสัมผัสอย่างแตกต่างชัดเจน ถือเป็นจุดสุดยอดของการชิมลิ้มรสใบชา 

▲“ดอยชายี่หวู่/易武茶山”: ตั้งแต่โบราณกาลมาเป็นดอยชาที่มีชื่อเสียงระบือไปไกล “กลิ่นหอมฟุ้งรสนุ่ม/香扬水柔”เป็นคาแรคเตอร์ที่พิเศษเฉพาะของยี่หวู่


        - คุณค่าทางเครื่องดื่มที่ล้ำลึก : สารองค์ประกอบที่บริบูรณ์ การชงทนในระดับสูงมาก อาฟเตอร์เทสที่อยู่คงค้างยาวนาน นำพาให้คนดื่มสุขกายสบายใจ ซึ่งการรับรู้ประสบการณ์เยี่ยงนี้ถือมีคุณค่าสูงอย่างยิ่ง


        - ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ยิ่งกว่า : รากของต้นชาโบราณที่หยั่งลึกลงดิน ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยใช้สารเคมี โดยทั่วไปที่เจริญเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่เป็นป่าผสมผสาน ถูกมองมีความเป็นระบบนิเวศมากขึ้น เป็นทางเลือกที่แข็งแกร่งขึ้น 

▲อายุต้นชาโบราณยิ่งมาก รากงอกลงดินยิ่งลึก น้ำชามีความรู้สึกที่ยิ่งเต็มเปี่ยม ยิ่งมีเสถียรภาพ


     • ต้นทุนในการเด็ดเก็บและการผลิตที่สูงลิ่ว  :


        - ต้นทุนแรงงานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว : การเด็ดเก็บใบชาต้นโบราณจะมีความยากลำบากมาก จำต้องอาศัยแรงงานคน ต้นทุนแรงงานของเขตการผลิตบนดอยดังที่มีชื่อเสียงจะเพิ่มขึ้นทุกๆปี


        - ต้องใช้กรรมวิธีการผลิตขั้นสูง : วัตถุดิบชั้นยอด โดยทั่วไปจะต้องใช้อาจารย์ทำชาที่มีประสบการณ์สูงโดยใช้กรรมวิธีที่ยิ่งประณีตมาดำเนินการผลิต เพื่อให้คาแรคเตอร์ที่พิเศษเฉพาะปรากฏออกมา


   2) การแย้งที่สนับสนุน“การปั่นราคา” (ฟองสบู่กับความสับสน)


        อีกด้านหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราคาที่แพงเกินกว่าที่ควรผสมปนเปด้วยปัจจัยที่ไร้เหตุผลและการชักใยทางการตลาดเป็นอย่างมาก


     • เชิงการเงินและการเก็งกำไร :


        - ชาผูเอ่อร์เป็นโบราณวัตถุที่คุณสามารถดื่มได้ : กรอบความคิดนี้ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น ทำให้ชาผูเอ่อร์จากผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคกลายมาเป็นสินค้าเพื่อการลงทุน เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เงินทุนสำรองหลั่งไหลเข้ามา มิใช่เพื่อเป็นการดื่มขา แต่เป็นการกักตุนเพื่อมูลค่าเพิ่ม ปั่นราคาให้สูงขึ้น


        - เจ้ามือปั่นราคา : ในชาบางยี่ห้อ(เช่นต้าอี้)จะชัดเจนมาก เจ้ามือโดยผ่านการควบคุมสินค้าต้นน้ำ ปั้นราคาขึ้นในตลาดรอง(เช่นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า) สร้างภาพล่วงตา เพื่อดึงดูดรายย่อยมารับช่วงต่อ โดยเนื้อแท้ก็คือ “การรีดไถผู้อื่น/割韭菜


     • “ภูเขานิยม” คือเทพนิยายที่เกินจริง :


        - เรื่องราวและเครื่องหมายการค้า : “ตานจู/单株”; “ฉาหวังซู่/茶王树”; “ต้นโบราณพันปี/千年古树”  เป็นต้น ซึ่งเป็นกรอบความคิดที่ถูกยกยอปอปั่นเกินไป ได้บวกเพิ่มราคาเกรดพรีเมียมที่สูงผิดปกติสำหรับเรื่องราวของสินค้า ราคาที่ผู้บริโภคจ่ายไป มีอยู่ส่วนหนึ่งเป็นการจ่ายเพื่อ “เรื่องราว” เหล่านี้ 

▲“ตานจู/单株 (ชาต้นเดียว)” ; “ฉาหวังซู่/茶王树 (ชาต้นอ๋อง)” 


        - การค้ากำไรเกินควรภายใต้ข้อมูลข่าวสารที่ไม่เท่าเทียม : ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางไปที่เขตพื้นที่การผลิตได้ด้วยตนเอง จึงไม่สามารถเข้าใจเข้าถึงสถาวะที่แท้จริง  นี้เป็นโอกาศสร้างผลกำไรอันมหาศาลของพ่อค้าคนกลางบางส่วน โดยนำชาจากเขตพื้นที่รองๆหรือชาจากต้นเล็กมาหีบห่อแล้วขายเป็นชาต้นโบราณดอยดัง ทำให้ตลาดเกิดตวามสับสน


     • การเบี่ยงเบนของราคากับคุณค่า :


        - กฏการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม (Law of diminishing marginal utility) : ชาแก้วละพันและชาแก้วละหมื่น ซึ่งมีความแตกต่างทางคุณภาพจะไม่มากเท่าความแตกต่างทางด้านราคา

           ชาราคาแพงเกินควรเป็นการสนองตอบต่อความพึงพอใจทาง “การแสวงหาความเป็นเลิศ” และ “สัญลักษณ์แสดงฐานะ” ของกลุ่มคนขนาดเล็กมาก ซึ่งการยกระดับทางคุณค่าของการชิมลิ้มรสตามไม่ทันกับราคาที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว 

▲“กฏการลดน้อยถอยลงของอรรถประโยชน์ส่วนเพิ่ม/边际效用递减规律”: หมายถึง เมื่อผู้บริโภคบริโภคสินค้าหรือบริการอย่างเดียวกันซ้ำๆ ความสุขหรือความพึงพอใจที่ได้รับจากหน่วยที่เพิ่มขึ้นแต่ละหน่วยจะลดน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง


        - ความเสี่ยงด้านมีราคาแต่ไม่มีตลาด : ชาราคาแพงเกินควรจำนวนมากเพียงหมุนเวียนอยู่ในวงการแคบๆ ขาดแคลนช่องทางการจำหน่ายแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด ราคาตลาดแม้จะสูง แต่จะสามารถปล่อยออกไปในราคานี้หรือไม่ นั่นยังเป็นปัญหา ดำรงความเสี่ยงสูงในการเปลี่ยนถ่ายหมุนเวียน


   3) การมองอย่างมีวิจารณญาณ : สิ่งต่างๆมีความหลากหลายมากกว่าที่จะแบ่งออกเป็นสองขั้วตรงข้ามอย่างชัดเจน


        การมองที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ราคาที่แพงเกินกว่าที่ควรของชาต้นโบราณดอยดังเป็นเนื้อผสมของ “คุณค่าทางคุณภาพเป็นรากฐาน ฟองสบู่ทางการเงินเป็นตึกสูง


        - ความจริงบนยอดปิรามิด : ชาต้นโบราณดอยดังสุดยอดที่เป็นของแทร่(เช่นชาฤดูใบไม้ผลิต้นโบราณของปิงเต่าเหล่าไจ้; เขตแก่นกลางเหล่าปานจาง) อันเนื่องจากสภาพความขาดแคลนและคุณภาพที่ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ราคาที่สูงซึ่งเป็นการเห็นพ้องต้องกันของกลุ่มคนวงการที่ชื่นชอบ จึงยอมรับถือว่า “สมกับราคา” แต่ทว่า “ราคา” นี้กล่าวเฉพาะสำหรับผู้บริโภคที่แสวงหาความเป็นเลิศอันมีจำนวนน้อยมาก


        - ฟองสบู่กลางปิรามิด : สิ่งที่ป็นปัญหามากกว่าก็คือ ชาจำนวนมากที่อาศัยบารมีของดอยดัง(เช่นหมู่บ้านรอบนอก อายุต้นยังไม่ถึง) หรือชาจากดอยระดับสองและสาม ราคาก็ถูกดึงให้สูงขึ้นมา ซึ่งคุณภาพไม่สามารถเทียบเท่ากับราคา ในนี้จะมีส่วนประกอบของ “การปั่นราคา” เป็นอย่างมาก 

▲ปิรามิดจัดแบ่งระดับแหล่งสวนชาผูเอ่อร์ : ยอดปิรามิด(ดอยชาระดับ1) มีอยู่ 10 แหล่ง; กลางปิรามิด(ดอยชาระดับ2) มีอยู่ 20 แหล่ง; ฐานปิรามิด(ดอยชาระดับ3) มีอยู่ 30 แหล่ง


   ข้อสรุปและข้อเสนอแนะสำหรับผู้บริโภค


        ราคาแพงเกินควรของชาต้นโบราณดอยดัง เป็นปรากฏการณ์ทางระบบทุนนิยมบนพื้นฐานของคุณค่าทางความขาดแคลน ซึ่งเบื้องล่างมี “วัตถุ” ดำรงอยู่ แต่ “ราคา” ที่แรงมากได้ไปไกลเกินกว่าคุณค่าของเครื่องดื่มไปแล้ว เป็นการสะท้อนออกเป็นสิ่งของที่มีคุณลักษณะเป็นของกำนัลอันหรูหราและสัญลักษณ์แห่งการลงทุน


     • กล่าวสำหรับผู้บริโภคส่วนใหญ่แล้ว :


        - การกลับคืนสู่การชิมลิ้มรสอย่างแท้จริง : ถามคำถามกับตัวเองว่า “ข้าซื้อชาเพื่อดื่ม หรือเพื่อการลงทุน?” ถ้าหากเป็นเพื่อดื่ม มีชาจากดอยระดับสองสามจำนวนมากที่มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก พวกมันยิ่งสามารถเป็นตัวแทนความสวยงามประจำวันของชาผูเอ่อร์


        - การยกระดับความสามารถในการชิมลิ้มรส มิใช่การแสวงหาดอยดังอย่างลืมหูลืมตา : ทำความเข้าใจคาแรคเตอร์ที่แตกต่างของแต่ละแหล่งการผลิต เสาะหารสชาติที่เหมาะกับตนเอง สำคัญกว่าที่แสวงหารสจากดอยดังโดยเฉพาะ


        - ระมัดระวังเรื่องราวเชิงเทพนิยาย : มีความรอบครอบต่อการโฆษณาที่เกินจริง(เช่น “ตานจูพันปี/千年单株”) บริโภคอย่างมีเหตุผล เป็นไปตามกำลังความสามารถที่มี


        อย่างไรก็ตาม ราคาแพงเกินควรของชาต้นโบราณดอยดังเป็นไปตามเกมการตลาดที่ “ยอมรับผลที่ตามมาอย่างเต็มใจ

        -- สำหรับนักลงทุน มันเป็นเกมพนัน

        -- สำหรับนักสะสมตัวยง มันเป็นของล้ำค่า

        -- สำหรับคนชาผูเอ่อร์ มันอาจเพียงมีคุณค่าในการทำความเข้าใจ แต่ไม่จำเป็นต้องตามล่าตำนานอย่างลืมหูลืมตา


▲“ดัชนีราคาชาอวิ๋นหนาน--ราคาคาดการณ์ของชาต้นโบราณฤดูใบไม้ผลิปี 2025 ใน 1405 หมู่บ้านมณฑลอวิ๋นหนาน ; หน่วย : ¥/kg” : เป็นการประกาศร่วมกันโดยเกษตรกรชาจาก 1405 หมู่บ้าน



เอกสารอ้างอิง :

1. 名山古树的天价 : 是物有所值还是资本炒作?http://xhslink.com/o/AsFM9tqqTTP