ปริศนาแห่งต้นชาโบราณ (1)
古茶树之谜 (一)
ต้นชาโบราณเป็นสมญานามที่พิเศษเฉพาะที่ชาวบ้านใช้เรียกต้นชาไม้ต้นใหญ่ที่มีอายุต้นพอสมควร ตั้งแต่ต้นทศวรรษที่90ศตวรรษที่20 วงการชาผูเอ๋อร์ในอวิ๋นหนานคุ้นเคยที่จัดแบ่งต้นชาไม้ต้นพันธุ์ใบใหญ่(乔木大叶种茶树)ออกเป็น3ชนิดคือ ต้นชาโบราณ(古茶树) ต้นชาไม้ต้นใหญ่(乔木大茶树 รวมถึงต้นชาปล่อยป่า) ต้นชาไร่(台地茶树) การแบ่งกลุ่มลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่ผลจากการแบ่งกลุ่มตามพฤกษศาสตร์ เพียงเป็นข้อสรุปจากประสบการณ์อันยาวนานของชาวบ้าน ถือเป็นประสบการณ์พื้นบ้าน
▲ชนิดของต้นชาในระบบนิเวศ
โดยเฉพาะหลังปี2000 เป็นไปตามที่ตลาดชาผูเอ๋อร์ได้เฟืองฟูขึ้นมาเป็นลำดับ เกิดการแข่งขันที่ยิ่งมายิ่งรุนแรง นักธุรกิจชาผูเอ๋อร์ส่วนหนึ่งได้มาจัดแยกวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ให้ละเอียดขึ้น ผู้ผลิตชาหรือพ่อค้าจำนวนมากได้เรียกชาผูเอ๋อร์ที่ผลิตจากวัตถุดิบจาก“ต้นชาโบราณ”ว่า “ชาต้นโบราณ(古树茶)” อาศัยที่“ต้นชาโบราณ”เป็นทรัพยากรที่มีภาวะการขาดแคลน และเพื่อให้ตระหนักในการแยกคุณภาพที่แตกต่างจาก“ต้นชาไม้ต้นใหญ่”และ“ต้นชาไร่”
พฤติกรรมทางธุรกิจเช่นนี้โดยเหตุสุดวิสัยริเริ่มจากชาวบ้าน ไม่ใช่ได้รับการแนะนำหรือสนับสนุนจากทางราชการหรือทางวิชาการ ความต้องการที่กลายมาจากพฤติกรรมทางธุรกิจเช่นนี้ ก่อให้เกิดผู้คนจำนวนมากมาสนใจต้นชาโบราณ ความเป็นจริง ไม่ว่าเป็นต้นชาโบราณ ต้นชาไม้ต้นใหญ่หรือต้นชาไร่ล้วนถือเป็นต้นชาไม้ต้นพันธุ์ใบใหญ่
หัวข้อของบทความนี้ตามหลักควรเป็น“ปริศนาแห่งต้นชาไม้ต้นพันธุ์ใบใหญ่” เพียงแต่ว่าในบรรดาต้นชาไม้ต้นพันธุ์ใบใหญ่ ต้นชาโบราณจะเป็นตัวแทนได้ดีที่สุด จึงขอยืนยันหัวข้อเป็น “ปริศนาแห่งต้นชาโบราณ”
ก่อนที่จะมาอภิปรายถึงปัญหานี้ ขอมาทำความเข้าใจถึง 2 กรอบความคิดให้ถ่องแท้เสียก่อน :
I. ต้นชาโบราณและชาต้นโบราณเป็นสองแนวความคิด :
ตัวแรกหมายถึงต้นชาไม้ต้นพันธุ์ใบใหญ่ที่อายุยืนต้น100ปีขึ้นไป ตัวหลังคือใบชาที่ผลิตจากใบชาสดของตัวแรก
II. ต้นชาโบราณและต้นชาไม้ต้นใหญ่พันธุ์ป่าก็เป็นสองแนวความคิด :
ต้นชาไม้ต้นใหญ่พันธุ์ป่าแม้จะเรียกเป็นต้นชา แต่ใบและผลของมันเป็นพันธุ์ป่า สัณฐานและองค์ประกอบภายในจะแตกต่างกันมากกับใบชาที่เราพบเห็นอยู่ในปัจจุบัน มีคุณลักษณะความเป็นพิษ ไม่สามารถที่จะรับทานได้ ต้นชาพันธุ์ป่าหลังผ่านระยะของ“ต้นชาชนิดเปลี่ยนผ่าน(过渡型茶树)” แล้วผ่านการ“เพาะปลูก(驯化)” จึงวิวัฒนาการเป็นต้นชาที่สามารถทาน(ดื่ม)ได้
ต้นชาโบราณเป็นปรากฏการณ์ทางพืชที่พิเศษเฉพาะรูปแบบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ถือเป็น“ราก(根)”ของชาผูเอ๋อร์ เนื่องจากการปรากฏขึ้นทีหลังของต้นชาต้นใหญ่ที่อายุต้นยังค่อนข้างน้อย ไม่ว่าจากการเพาะปลูกโดยมนุษย์ หรือที่ปล่อยตามธรรมชาติให้ขึ้นอยู่ในป่า แม้กระทั่งต้นชาไร่ที่เพาะปลูกและตัดแต่งกิ่งให้เตี้ยโดยฝีมือมนุษย์ยุคสมัยนี้ พวกมันล้วนมีต้นกำเนิดมาจากต้นชาโบราณ มี“สายเลือด”เดียวกัน
• คำนิยามของต้นชาโบราณ
1. ต้นชาโบราณถือเป็นพืชประเภทไม้ต้น ตามการจัดกลุ่มทางพฤกษศาสตร์ โดยทั่วไปพรรณไม้เนื้อแข็งที่มีลำต้นสูง6ถึง10เมตร เรียกว่าไม้ต้น
มันมีลำต้นหลัก ลำต้นและบริเวณยอดที่แตกกิ่งก้านเห็นแยกออกได้ชัดเจน ทำนองเดียวกัน ใช้ความสูงแบ่งเป็นไม้ต้นใหญ่มาก(31 ม.ขึ้นไป) ไม้ต้นใหญ่(21-30 ม.) ไม้ต้นกลาง(11-20 ม.) ไม้ต้นเล็ก(6-10 ม.) เป็น4ระดับ
ลักษณะภายนอกของต้นชาโบราณในอวิ๋นหนานถือเป็นสัณฐานไม้ต้น เป็นสัญลักษณ์แรกของต้นชาโบราณ ถ้ากล่าวทางด้านความสูงแล้ว มันครอบคลุมทั้งไม้ต้นใหญ่มาก ไม้ต้นใหญ่ ไม้ต้นกลาง ไม้ต้นเล็ก ส่วนที่แตกต่างคือไม้ต้นใหญ่มีน้อยมาก ไม้ต้นเล็กมีมาก นอกจากนี้ เนื่องจากต้นชามีการเจริญเติบโตช้า เนื้อไม้ลำต้นจึงมีความหนาแน่นสูงกว่าไม้ต้นทั่วไป ทำให้ไม้ต้นที่อายุเท่ากัน ต้นชาจะเตี้ยกว่าไม้ต้นอื่นๆ สวนชาโบราณหมื่นหมู่(万亩古茶园)ในจิ่งม้าย-อวิ๋นหนาน ต้นชาโบราณจำนวนมากที่มีอายุยืนต้น300ปีขึ้นไปจะมีความสูง6เมตรลงมา ทั่วไปเราจะเรียกต้นชาชนิดนี้ว่าไม้ต้นทรงพุ่ม(亚乔木)
2. อายุยืนต้นต้อง100ปีขึ้นไปจึงจะถือเป็นต้นชาโบราณ
ที่พวกเราเสนอค่าทางเวลาตัวเลขนี้เนื่องจาก ๒ เหตุผล :
๑. คือวิธีการบันทึกเวลาจะเทียบ100ปีเป็น1ศตวรรษ มนุษย์เรา รวมทั้งพืชพรรณและสัตว์ส่วนใหญ่ล้วนมีอายุภายใน100ปี สำหรับสปีชีส์ที่มีวงจรชีวิตเกิน100ปี พวกเราต่างต้องมองด้วยความชื่นชม จิตใจมนุษย์จะมีปมในการเชื่อ“เครื่องราง”โดยกำเนิด ชนเผ่ากลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในภูเขาใหญ่ก็เป็นเช่นนี้ พิธีกรรมการบวงสรวงส่วนมากของพวกเขาจะเกี่ยวโยงกับไม้ต้นใหญ่เกินร้อยปี
ต้นชาโบราณในอวิ๋นหนานมีอายุยืนต้นเกินพันปี และมีเกินหลายร้อยปี ปรากฏการณ์“อายุยืน”ของต้นชาไม้ต้นพันธุ์ใบใหญ่เป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญ เป็นพันธุ์ชาชนิดเดียวที่“อายุยืน”ในบรรดาพันธุ์ชาทั้งหลาย การใช้คำ“โบราณ”เป็นสมญานามที่ชาวบ้านพร้อมใจกันเรียกขานต้นชาที่มีอายุยืนต้นเกิน100ปี
๒. ใช้อายุของต้นชาพันธุ์ใบกลางเล็กเป็นค่าเชิงการเปรียบเทียบ อายุเฉลี่ยของต้นชาพันธุ์ใบกลางเล็กอยู่ภายใน100ปี พวกมันหลังการเพาะปลูก3-5ปีก็เริ่มเก็บเกี่ยวได้ หลัง20ปีจะเข้าสู่ระยะของผลผลิตสูง หลัง70-80ปีก็จะร่วงโรยตามกาลเวลา ต้นชาที่มีอายุเกิน100ปีมีน้อยมาก
3. ต้นชาโบราณมีเอกลักษณ์ที่เป็นประชาคม
พวกเราเมื่ออยู่ในเขตพื้นที่ผลิตชาในอวิ๋นหนานบังเอิญได้พบเห็นต้นชาต้นใหญ่ต้นหนึ่งยืนต้นอยู่บริเวณรอบๆบ้านเก่าแก่ที่ชาวบ้านอาศัยอยู่หรือตามท้องทุ่งนา ดูมีความสง่างามแฝงความโดดเดี่ยว แต่นี้เป็นปรากฏการณ์ที่เอกเทศ ต้นชาโบราณที่พวกเราพบเห็นในปัจจุบันเป็นปรากฏการณ์ที่พิเศษเฉพาะ ต้นชาโบราณส่วนใหญ่ปรากฏเป็นลักษณะประชาคม ที่ที่มีต้นชาโบราณก็จะเคียงข้างด้วยสวนชาโบราณ(古茶园)ดำรงอยู่ สวนชาโบราณลักษณะนี้แตกต่างจากสวนชาที่พวกเราหมายถึงในปัจจุบัน
เมื่อคุณเยื้องกายเข้าไปในเขาจิ่งม้าย-อวิ๋นหนาน เมื่อประจัญกับสวนชาโบราณหมื่นหมู่ คุณจะพบเห็นว่า : พวกมันไม่ใช่ยืนเป็นแถวอนุกรมและใกล้ชิดกัน แต่จะขึ้นแบบกระจัดกระจายไปทั่ว ระยะห่างระหว่างต้นชาสองต้นจะห่างกันมาก ต้นเคียงข้างสองต้นอาจไม่ใช่ต้นชาทั้งหมด ระหว่างต้นชาสองต้นจะมีพรรณไม้ต้นชนิดอื่นสอดแทรกอยู่ สวนชาโบราณหรือเขาชาโบราณหลายพื้นที่ที่ดำรงอยู่ในอวิ๋นหนานปัจจุบัน เปรียบเทียบต้นชาและพืชพรรณอื่น อัตราส่วนเกือบจะ 1:1 นี้เป็นเหตุที่ทำให้เรามีความเข้าใจผิดเป็นประจำ เสมือนไม่ใช่สถิตอยู่ ณ สวนชาโบราณ แต่เป็น ”สวนพืชพรรณดอกไม้ลึกลับที่ไม่มีกำแพงกั้น”
ปรากฏการณ์แบบกระจัดกระจายเช่นนี้มองผิวเผินทำให้การเด็ดเก็บไม่สะดวก แต่จะเป็นประโยขน์ด้านการผสมเกสรดอกไม้ข้ามพันธุ์กันและการแผ่สยายออกทางแนวกว้างของการแตกกิ่งก้านบนยอดลำต้น ประกอบกับต้นชาแต่ละต้นได้ครอบครองพื้นที่ผิวดินที่กว้างขึ้นอย่างเด่นชัด มีผลอย่างมากต่อการเพิ่มคุณภาพของใบชา สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ต้นชาเหล่านี้กับพรรณไม้อื่นผสมข้ามพันธุ์กัน ก่อให้เกิดความหลากหลายของลักษณะทางชีวภาพที่เฉพาะ และเนื่องจากความหลากหลายของลักษณะทางชีวภาพก็ก่อให้เกิดนิเวศมณฑลสวนชา(茶园生态圈)ที่พิเศษเฉพาะ ตราบจนถึงทุกวันนี้ในขอบเขตทั่วโลก นี้เป็นสวนชาที่พบเห็นได้ที่ถือเป็นแม่แบบทางวิทยาศาสตร์ที่ใช้วางแผนพัฒนาให้เข้ากับระบบนิเวศธรรมชาติมากที่สุด
พวกเรายังสามารถที่จะทำการประเมินได้ดังนี้ : สวนชาโบราณในอวิ๋นหนานที่แท้ก็คือสวนชาที่มีความหลากหลายทางพืชพรรณ เป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอันยิ่งใหญ่แห่งประวัติของการสร้างและการจัดการสวนชา การรักษาสวนชาโบราณให้ดำรงอยู่ได้หลายร้อยปีแม้กระทั่งกว่าพันปี ถือเป็นสิ่งมหัสจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ทางอารยธรรมของมนุษย์ แม้ ณ วันนี้ ยังเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่พวกเราใช้อ้างอิงและเรียนรู้
4. การกระจายของต้นชาโบราณ
ส่วนใหญ่พวกมันกระจายอยู่ในเขตพื้นที่ผลิตชาดั้งเดิมภายใต้การควบคุมดูแลของเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เมืองผูเอ๋อร์และเมืองหลิงชางในอวิ๋นหนาน นอกจากสามเขตพื้นที่นี้แล้ว พื้นที่อื่นๆในหยินหนานส่วนใหญ่ถือเป็นต้นชาไม้ต้นใหญ่ที่อายุต้นยังอ่อนและต้นชาไร่ ส่วนต้นชานอกเขตมณฑลอวิ๋นหนาน รวมทั้งใต้หวันและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นต้นชาพันธุ์ใบกลางเล็ก
ต้องการชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าประเทศอินเดียได้เคยค้นพบต้นชาต้นใหญ่พันธุ์ป่าในเขตพื้นที่รัฐอัสสัม แต่ต้นชาในเขตพื้นที่ผลิตชาของอินเดียยังเป็นต้นชาพันธุ์ใบกลางเล็ก ซึ่งอายุของต้นชาเฉลี่ยอยู่ภายใน100ปี จะไม่พบต้นชาไม้ต้นใหญ่ดำรงอยู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้นชาโบราณ ดังนั้น บรรดาผู้เชี่ยวชาญประวัตศาสตร์ด้านชายุคนี้ยิ่งโน้มเอียงมาทางการรับรู้เช่นนี้ : หลังจากอังกฤษยึดครองอินเดียแล้ว บริษัทอินเดียตะวันออกภายใต้การนำของอังกฤษ อาศัยความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน ได้นำพันธ์ชาจากฝูเจี้ยน(福建)และเจียงเจ้อ(江浙)เข้าไปในอินเดีย ข้อมูลบันทึกทางประวัติศาสตร์ทางด้านนี้มีมากมาย ล้วนยืนยันคำกล่าวที่ว่าการเพาะปลูกชาและการผลิตชาในอินเดียและประเทศแถบเอเชียใต้มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน...
แปล-เรียบเรียง จากบทความ 《ปริศนาแห่งต้นชาโบราณ》 ตอนที่ 1---เขียนโดย เฉินเจี๋ย
http://www.wtoutiao.com/p/ef01FN.html
ปริศนาแห่งต้นชาโบราณ (2)
โพสต์นี้เผยแพร่เมื่อวันที่ 01 ม.ค. 2559 ลงในเฟสเพจสมาคมผู้รักชาผูเอ่อร์แห่งประเทศไทย
https://www.facebook.com/groups/1465523990337272/