วันเสาร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2568

การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา (3/3)

 



∆ แผนภาพ#10

        ไม่ว่าบุคคลใดๆมิใช่ผ่านการเสียเวลาและกำลังกายแบบง่ายๆแล้วสามารถสืบเสาะสู่เบื้องบนได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในสังคมพวกเราจะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ที่มีการตระหนักรับรู้ในขั้นสูง


        ทุกคนดูเสมือนว่าจะเห็นด้วยกับ​"พีระมิดลักษณะสามเหลี่ยมมุมฉาก" ส่วนของยอดพีระมิดจะมีผู้คนจำนวนเล็กน้อย แต่ความเป็นจริงจะมีพื้นที่ที่มีลักษณะบิดเบี้ยวอยู่ในนั้น อาจมีผู้คนจำนวนมากดื่มชามาทั้งชีวิต เสียเวลาและกำลังกายอย่างมากไปฝึกฝน แต่แนวความคิดและรูปแบบของพวกเค้าไม่ถูกต้อง ดื่มโดยไม่สามารถดื่มใบชาลักษณะแบบเบื้องบนได้

        ดังนั้น ไม่ว่าเค้าจะเสียเวลาและกำลังกาย(อาจรวมทั้งกำลังทรัพย์)มากมาย แต่เค้าก็เพียงแค่หยุดอยู่ที่เบื้องล่างของเส้นแบ่งนี้


∆ แผนภาพ#11

        มากล่าวถึงการกระจายตัวของกลุ่มคนดื่มชา เป็นไปได้ว่าเวลานี้มันเข้าใกล้บริบทที่เป็น​"สามเหลี่ยมลักษณะเว้าเข้าไป" ยังมีผู้คนจำนวนมากรวมศูนย์อยู่ที่เบื้องล่างของเส้นแบ่งนี้ มีผู้คนเพียงเล็กน้อยที่สามารถสืบเสาะสู่เบื้องบน


        นี้จึงเป็นเหตุผลที่ผู้มีอำนาจทางกระแสหลักปัจจุบันก็ได้เพียงแค่ให้บริการแก่ผู้คนที่มีจำนวนมากกว่า การดำรงอยู่ของคนส่วนน้อย เนื่องจากไม่สามารถควบคุมวาทกรรมเชิงอำนาจได้ ไม่มีอิทธิพล และก็ไม่มีช่องทางที่ป่าวร้องได้ ถึงแม้จะป่าวร้องออกมาได้ แต่ก็จะถูกเข้าใจเป็นอภิปรัชญาและขอบเขต ไม่เป็นที่ยอมรับและตอบรับ


∆ แผนภาพ#12

        แผนภาพสุดท้ายนี้ ขอนิยามว่าเป็น“การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา


       ทำไมถึงกล่าวว่ามันย้อนแย้ง ก็เนื่องจากความรู้ชาร่วมสมัยได้แค่บ่งบอกคุณว่า : การดื่มชาก็คือเครื่องดื่มที่มีรสชาติชนิดหนึ่ง เป็นเพราะมันมีองค์ประกอบของสารประกอบที่สอดคล้องกัน ซึ่งมีคุณลักษณะที่สามารถนำพาสุขภาพที่ดีต่อร่างกายเรา แต่มันไม่สามารถอธิบายได้ถึงการปลูกฝังตนเองที่ชานำพามาให้พวกเรา กระทั่งการตระหนักรับรู้ของลำดับขั้น“พิธีการชา”


       “ความรู้สึกทางสรีระ”ในนี้ก็คือการแสดงออกของลำดับขั้น“ร่างกาย” เป็นการแสวงหาของการดื่มชาในลำดับขั้นของร่างกายคนเรา เบื้องล่างใต้เส้นแบ่งเป็นเพียงความต้องการทางอาหาร 

      และแล้วในพื้นที่ของ“เบิกบานใจ” ก็จะมาถึงการสาธยายของลำดับขั้น“จิตใจ ” 

      คุณคิดที่จะอธิบาย“การปลูกฝังตนเอง”จากการดื่มชานั้น คุณไม่สามารถอธิบายการแสดงของลำดับขั้น“จิตวิญญาณ” เมื่อคุณอยู่ในขั้นตอน“โดยธรรมชาติ”นี้ล้วนเป็นสิ่ง์ที่ไม่น่าเป็นไปได้เสมอ


      ทำไมถึงกล่าวอยู่ตลอดเวลาว่า การดื่มชาคือเครื่องดื่มเชิงจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง มันไม่เพียงสร้างความพึงใจต่อความต้องการทางอาหารของคนเรา เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติ เกิดผลที่ดีต่อสุขภาพคนเรา ทุกสิ่งอย่างก็เพื่อจุดหมายปลายทางสุดท้ายที่ได้มาโดยบังเอิญก็คือ“โดยธรรมชาติ”

 

      เมื่อคุณสามารถเข้าใจองค์รวมของแผนภาพนี้แล้ว ทำไมถึงเรียกขานมันว่า“การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา”ร่วมสมัย และโดยการยกหนึ่งอย่างให้สามอย่าง

      สามารถที่จะกล่าวได้ว่า มี“อุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม”จำนวนมาก ล้วนประสบกับปัญหาเช่นนี้ 


      ทุกคนเคยสังเกตเห็นไหมว่า ขอเพียงเป็นสิ่งที่มีคุณลักษณะเชิงวัฒนธรรมรูปแบบจีนดั้งเดิม อาทิเช่น  : 

         - การเขียนอักษรวิจิตร

         - จิตกรรม

         - ดนตรี 

         - การแพทย์แผนจีน (โดยเฉพาะ)

      พวกมันล้วนต้องผ่านแผนภาพลักษณะนี้ ใช้ชุดแนวความคิดเช่นนี้ โดยการนำเสนอเส้นแบ่งลักษณะนี้ แล้วมาใช้อธิบาย“อุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม”ที่ประสบปัญหาเชิงย้อนแย้ง



เอกสารอ้างอิง:

1. 茶产业的矛盾http://xhslink.com/o/4U2nyr8TWHc

การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา (2/3)

 



 

∆ แผนภาพ#7

        มาถึงตรงจุดนี้ พวกเราควรที่ไปทำความเข้าใจถึงการทำการแบ่งแยกของเส้นแบ่งสีแดงนี้ว่า ภายใต้สไตล์ของสองแนวความคิดนี้ ทำไมลำดับขั้นของการดื่มชาที่สอดคล้องกันนั้นอยู่ในอาณาเขตที่ไม่เหมือนกัน

        ขอกล่าวดังนี้ว่า ส่วนที่อยู่ในอาณาเขตล่าง สิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างมากคือทฤษฎีมองพัฒนาการอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบัน ส่วนอาณาเขตบนของเส้นนี้มิใช่เกี่ยวกับอภิปรัชญา แต่ต้องใช้การคิดเชิงตรรกะของปรัชญามาทำความเข้าใจมัน

        ส่วนการสอดคล้องที่เทียบเคียงกัน ทุกคนค้นพบไหมว่า ความรู้ชาดั้งเดิมที่แท้จริงของจีน เวลานี้มันเลื่อนมาประจำอยู่ในอาณาเขตบน มันคือ“สไตล์จีน” ส่วนความรู้ชาร่วมสมัยที่เลื่อนมาประจำอยู่ในอาณาเขตล่าง มันคือ“สไตล์ตะวันตก”โดยการเทียบเคียง


        ดังนั้น นี้มิใช่แค่เป็นเส้นแบ่งของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับตะวันตก ขณะเดียวกันภายใต้ทฤษฎีมองพัฒนาการอย่างเป็นวิทยาสาสตร์ของทางตะวันตก และผลงานจากการศึกษาวิจัยบรรดามีในปัจจุบัน จะมีจุดที่ย้อนแย้งกับความรู้ชาดั้งเดิมชองจีน

        ดังนั้น เส้นแบ่งนี้มิใช่เพียงเป็นตัวแทนของมาตรฐานที่ต่อเนื่องจากพัฒนาการทางวิทยาสาสตร์ยุคปัจจุบัน

        เดินขึ้นบนจากเส้นแบ่งนี้ โดยใช้มุมมองทางวิทยาศาสตร์ มุมมองทางระบบความรู้ชา แล้วก็จะค่อยๆสามารถถอดรหัสของ“ความรู้สึกทางสรีระ” แปลความหมายของ“เบิกบานใจ” ตีความของกระบวนการ“พิธีการชา” มันจึงสามารถถือเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ใช่หรือไม่?


        นี้ก็ถือเป็นตัวแทนของบรรพบุรุษคนจีนโบราณ ภายใต้การพิจารนาทางความคิดเชิง“ปรัชญา”รูปแบบ“สไตล์จีน”นี้ ไปทำการศึกษาสู่เบื้องบน :  

         - ศึกษาโลกธรรมชาติ

         - ศึกษาการเปลี่ยนแปลงสี่ฤดูกาล

         - ศึกษากลุ่มดาวจักรราศี 

         - ศึกษากฏความเป็นระเบียบ 

         - ศึกษาปรากฏการณ์ของลำดับขั้นอันกว้างใหญ่ไพศาล


        ส่วน“วิทยาศาสตร์”ร่วมสมัยรูปแบบ“สไตล์ตะวันตก”นี้ เป็นกระบวนการศึกษาและการแยกแยะอย่างต่อเนื่องสู่เบื้องล่าง : 

         - ศึกษาเซลลของสิ่งมีชีวิต

         - ศึกษาโมเลกุล

         - ศึกษาโปรตอน 

         - ศึกษาอนุภาคมูลฐาน


        ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า ความเป็นจริงของทิศทางการศึกษาของวิทยาศาสตร์ร่วมสมัย คือการไปค้นพบรูปแบบผลกระทำของสสารที่ยิ่งเล็ก เพื่อมาถอดรหัสสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ดังเช่น รูปแบบวิวัฒนาการของวัตถุท้องฟ้า กฏเกณฑ์ธรรมชาติ 


        ดังนั้น จึงเรียกขานเส้นนี้เป็น“เพดาน”ของวิทยาสาสตร์ร่วมสมัย มิใช่เป็นการนิยามอย่างไร้เหตุผล บรรพบุรุษคนจีนโบราณได้ให้ข้อสรุปของโลกธรรมชาติบางส่วนไว้ให้แก่พวกเราแล้ว มิใช่นำมาด้อยค่าและเหยียบย่ำความยังไม่สมบูรณของวิทยาศาสตร์ร่วมสมัย


∆ แผนภาพ#8

        แล้วมาถึงตรงจุดนี้  ที่รูปแบบทางความคิดที่แท้จริงของบรรพบุรุษคนจีนโบราณก็คือ “วิถี”;“วิธี”;“เทคนิค”;“เครื่องมือ


        เนื่องจากวิทยาสาสตร์ร่วมสมัยอธิบายเนื้อหาที่อยู่เบื้องบนของเส้นแบ่งนี้ไม่ได้ จึงไม่ยอมรับ“วิถี”กับ“วิธี”ที่บรรพบุรุษคนจีนโบราณและอารยธรรมใบชาจีนได้หลงเหลือให้แก่พวกเราแล้วไซร์ งั้นในลำดับขั้น“เทคนิค”กับ“เครื่องมือ”ก็จะไม่สามารถทะลุเส้นแบ่งนี้ได้ตลอดไป


        รวมทั้งเพื่อนๆทุกคนที่กำลังเรียนรู้ชา ชื่นชอบชา ศึกษาชา ความเป็นจริงคุณยอมรับจิตวิญญาณแห่ง“พิธีการชา”อย่างเด่นชัด ที่ชานำพาคุณสู่การสืบเสาะหาและมีประสบการณ์ส่วนตัวในระดับชั้นที่สูงขึ้นไป

         มันดำรงอยู่ เพียงแต่คุณได้หยุดอยู่ภายใต้โครงสร้างทางความคิดและผลงานมืออาชีพของอาณาเขตความรู้ชาร่วมสมัย เส้นแบ่งนี้ก็เป็นคอขวดของคุณ คุณก็เพียงนำเนื้อหาเบื้องบนไปเป็น“ขอบเขต”ตลอดไป


∆ แผนภาพ#9

        ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะมาเสียเวลามากน้อยแค่ไหน ผลจากการฝึกฝนและการศึกษาของคุณก็เป็นได้แค่กระบวนการในลักษณะ“เส้นโค้งสีฟ้า” มันอยู่ในพื้นที่ที่เข้าใกล้“เพดาน”อย่างไม่จำกัด แต่ไม่สามารถแตะสัมผัสได้ถึงตลอดไป

        “เส้นโค้งสีฟ้า”นี้ เราเรียกขานกันว่า“เส้นทางความรู้ชาร่วมสมัย” 


        เมื่อคุณไม่เพียงถูกจำกัดโดยระเบียบวิธีของวิทยาศาสตร์บรรดามีในปัจจุบัน หากคุณมีแนวความคิดที่หยั่งรู้ต่อภูมิปัญญาของบรรพบุรุษคนจีนโบราณแล้วไซร์ คุณก็มีความเข้าใจต่อวัฒนธรรมการดื่มชาสไตล์จีนที่แท้จริง เส้นทางของการฝึกฝน ก็จะเป็นกระบวนการในลักษณะ“เส้นโค้งสีเขียว

        “เส้นโค้งสีเขียว”นี้ เราเรียกขานกันว่า“การปลูกฝังความรู้ชาดั้งเดิม


        ดังนั้นมาถึงจุดตรงนี้ ทุกคนสามารถตรวจสอบตนเองสักครู่ว่า คุณอยู่บนลำดับขั้นไหนของเส้นโค้งไหน


        มาตรฐาน สุนทรียภาพ และผลิตภัณฑ์ใบชาของระบบความรู้ชาที่มีอยู่ในปัจจุบัน พวกมันสามารถนำเสนอให้คุณเพียงแค่หยุดอยู่ที่ลำดับขั้นในเบื้องล่างของเส้นแบ่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถพรรณนา


        หากคุณสามารถดื่มผลิตภัณฑ์ใบชาแบบดั้งเดิมอย่างที่บรรพบุรุษคนจีนโบราณได้ดื่ม ใช้แนวความคิดที่สอดคล้องกับพวกเค้า ใช้ความสุนทรียภาพอย่างพวกเค้า แล้วไปพินิจพิเคราะห์เรื่องราวเหล่านี้ สองสิ่งนี้เชื่อมรวมตัวกัน คุณจึงจะมีพื้นฐานของ“การปลูกฝังความรู้ชาดั้งเดิม”ที่สอดคล้องกัน


        ดังนั้น มีสิ่งของมากมายที่มิใช่เสียเวลา กำลังกาย และมีความปราดเปรื่องแล้วสามารถเอื้อมถึงได้ พวกเราก็มิใช่ว่ามีจุดแข็งในบางด้าน แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของวัสดุศาสตร์และแนวความคิด ภายใต้สองสิ่งนี้ประจบรวมกัน คุณจึงจะสามารถได้รับผลลัพธ์ที่สอดคล้องกัน


        แต่เมื่อมาถึงตรงนี้ มีจุดที่ค่อนข้างติดขัด เนื่องจากผลิตภัณฑ์ใบชา ระบบทางวิชาการ และสุทรียภาพที่เป็นกระแสหลักในปัจจุบัน ไม่สามารถนำเสนอพื้นฐานของการสืบเสาะสู่เบื้องบนให้แก่คุณได้



เอกสารอ้างอิง:

1. 茶产业的矛盾http://xhslink.com/o/4U2nyr8TWHc