วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ปัจฉิมลิขิตจากผู้แปล《4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》 (ตอนพิเศษ)

ความรู้เรื่องชาผูเอ๋อร์  ตอนพิเศษ...
ปัจฉิมลิขิตจากผู้แปล《4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》





        บทความซีรีย์《4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》ที่ผู้เขียน : เฉินเจี๋ย(陈杰)ใช้รูปแบบการเขียนอธิบายอย่างละเอียดคมชัดและวิเคราะห์เชิงลึก ใช้ชุดความคิดที่เป็นระบบ ตัวหนังสือที่กลั่นกรองจากทัศนมิติทางวิทยสศาสตร์ด้านจุลชีววิทยา ชีวโมเลกุล ชีวเคมี โภชนาการ อันเป็นอัตลักษณ์ของผู้เขียน บทความที่เขียนออกมามีเนื้อหาสาระนอกจากได้อรรถรสในการอ่านแล้ว ยังได้รับความรู้กลากหลายโดยเฉพาะความรู้เรื่องชาผูเอ๋อร์ในมุมมองทางด้านวิทยาศาสตร์ และได้เสนอแนวความคิดใหม่ๆบนหลักทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นการเปิดโลกทัศน์ กระตุ้นแนวความคิด ทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจและเข้าถึงชาผูเอ๋อร์มากยิ่งขึ้น เข้าใจความเป็นธรรมชาติของชาผูเอ๋อร์ เข้าถึงความเป็นอัตลักษณ์ของชาผูเอ๋อร์ และได้สะท้อนให้เห็นว่าเป็นเพราะเหตุอันใดชาผูเอ๋อร์ถึงมีระบบของคุณค่าที่ยิ่งใหญ่ สมกับที่ถูกยกย่องให้เป็น “ราชันชาแห่งชา

4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》ประกอบด้วย :

        (1) คุณค่าทางภูมิศาสตร์---หยินหนานตั้งอยู่บนระบบทางภูมิศาสตร์ที่พิเศษเจาะจงประกอบด้วยความหลากหลายทางภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และความหลากหลายของระบบนิเวศ ผสมผสานกันก่อให้เกิดเป็นระบบนิเวศธรรมชาติอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม้ต้นชาพันธุ์ใบใหญ่(ต้นชาป่าหรือจากการเพาะปลูก)เติบโตภายใต้ระบบนิเวศธรรมชาติที่พิเศษเฉพาะนี้ สามารถต้านทานโรคจากแมลงและสามารถมีชีวิตยืนต้นมากว่าร้อยปี หรือกว่าพันปี ใบชาจากไม้ต้นชาพันธุ์ใบใหญ่ที่ต่างพื้นที่ต่างมีลักษณะเด่นเฉพาะตนจึงมีคุณลักษณะพิเศษที่เป็นเฉพาะของหยินหนานเท่านั้น เหมาะที่จะเป็นวัตถุดิบชั้นดีของชาผูเอ๋อร์

        (2) คุณค่าทางวิธีการผลิตที่พิเศษเฉพาะ---จากองค์ความรู้และภูมิปัญญาที่ตกผลึกและสะสมมากว่าพันปี “เข้าใจธรรมชาติ ปล่อยตามธรรมชาติ การใช้ธรรมชาติ”คือแก่นแท้ของวิธีการผลิตชาผูเอ๋อร์ที่คนหยินหนานสืบทอดและยึดถือปฏิบัติตลอดมา การใช้จุลินทรีย์ที่มีเฉพาะในหยินหนานจากอาณาจักรธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ วิธีการผลิตที่พิเศษเฉพาะของชาผูเอ๋อร์กระบวนการแบบนี้แม้จะดูเป็นแบบโบราณดั้งเดิมแต่แฝงด้วยภูมิปัญญา ดูจะธรรมดาแต่ทำให้เกิดสิ่งอัศจรรย์  สร้างสรรค์ใบชาจากไม้ต้นชาพันธุ์ใบใหญ่จากคุณค่าทางภูมิศาสตร์ “เกิด” เป็นผลิตภัณฑ์ชาผูเอ๋อร์ เป็น ชิ้นงานทางชีวภาพที่มีชีวิต” ที่จะ ไม่เน่า ไม่เปื่อย ไม่รา

        (3) คุณค่าทางพัฒนาการ---ชาผูเอ๋อร์มีคุณลักษณะพิเศษที่ดำรงไว้ซึ่ง “ยิ่งเก่ายิ่งหอม” ผลิตภัณฑ์ชาผูเอ๋อร์มีพลังแห่ง “ชีวิต” ที่สามารถ “โต” ตามวิถีแห่ง “กาลเวลา” มีช่องว่างของคุณภาพให้ “ประชาคมนักเก็บชา” มาสร้างสรรค์เติมเต็ม การ “เก็บชา” ก็คือกระบวนพัฒนาการของชาผูเอ๋อร์ เพื่อให้เกิดการหมักภายหลังอย่างต่อเนื่องหรือคือกระบวนการสร้างคุณภาพใหม่ที่เป็นแบบลำดับขั้น ชาผูเอ๋อร์จะเปลี่ยนแปลงให้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าทางด้านรสชาติที่เป็นอัตลักษณ์แห่งความดื่มด่ำของชาผูเอ๋อร์ และสรรพคุณที่ครบครันทางโภชนาการ กระบวนการจาก “เกิด” จน “แก่” ของชาผูเอ๋อร์จะอยู่ในแวดล้อมของสังคมการผลิตชาผูเอ๋อร์ที่ประกอบด้วยหลายๆองคาพยพที่ร่วมด้วยช่วยกันสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชาผูเอ๋อร์ให้เป็นชิ้นงานศิลปะที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม และให้เป็นเครื่องดื่มที่ทรงคุณค่าทางสารัตถประโยชน์ที่ 3

        (4) คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา---ชาผูเอ๋อร์เป็นผลิตภัณฑ์จากการหมัก แม้ว่าวิธีการและเทคนิคของการผลิตเป็นแบบโบราณดั้งเดิมที่ล้าสมัย แต่การหมักในสถานะของแข็งภายใต้การมีส่วมร่วมของจุลินทรีย์และเอนไซม์ชนิดต่างๆ สารตั้งต้นที่มีคุณสมบัติทางยาที่อยู่ในใบชาจากไม้ต้นชาพันธุ์ใหญ่ของหยินหนานเกิดการแปรเปลี่ยนทางชีวภาพ ทำให้เกิดเป็นสารอนุพันธ์หลายๆชนิดที่มีคุณสมบัติทางยาและมีคุณลักษณะพุ่งเป้าเข้าหา “เป้าหมาย” มากขึ้น ก่อให้เกิดศักยภาพของกลไกทางยามากมาย สารอนุพันธ์ที่มีคุณค่าทางยาทำให้ชาผูเอ๋อร์เป็นเครื่องดื่มที่ครบครันด้วย “สารัตถประโยชน์ที่ 3” คือมีคุณประโยน์ทางตรงและสรรพคุณที่ซ่อรเร้นต่อร่างกายคนเรามากมาย

   《4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》แต่ละคุณค่าจะต้องเป็นไปตามลำดับ และจะขาดคุณค่าใดคุณค่าหนึ่งไม่ได้ 3คุณค่าแรกเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง “กระบวนการ” และเป็นปฐมเหตุให้คุณค่าหลังสุดแสดง “ผลลัพธ์” ออกมา และเป็น “เหตุผล” ที่ผู้บริโภคหันมานิยมดื่มชาผูเอ๋อร์มากขึ้นๆ

   《4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》เป็นบทความที่ผู้เขียนเฉินเจี๋ยได้เขียนเผยแพร่ลงในนิตยสาร【ผูเอ๋อร์】เมื่อปี 2008(ปฐมปีเริ่มต้นของยุค “วิทยาศาสตร์ผูเอ๋อร์”) ที่ผู้เขียนอธิบายชาผูเอ๋อร์ในเชิงทำนองนี้ มิใช่ว่าผู้เขียนได้ทำการศึกษาชาผูเอ๋อร์มาอย่างลึกซึ้ง เพียงแต่ผู้เขียนมีความเชื่อตลอดเวลาว่า เป็นไปตามที่เมื่อมีการถกปัญหาและทำการศึกษาวิจัยชาผูเอ๋อร์เชิงลึกมากขึ้นแล้ว จะทำให้เกิดการค้นพบและเกิดข้อสงสัยใหม่ๆมากขึ้นตามมาอีก แต่ขออาศัยทัศนคตินิยมในวงการเทคโนโลยีทางชีวภาพว่า : ไม่ว่าการศึกษาทางชีวภาพเรื่องใดๆ ไม่มีจุดสิ้นสุด มีแต่จุดตั้งต้นที่เหนือขึ้นไปอีก

        ผู้แปลรู้สึกดีใจที่มีผู้สนใจที่ติดตามอ่านชุดบทความฯนี้ท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นไว้ว่า---“องค์ความรู้ของชาผูเอ๋อร์ที่คุณ Parinya Sae-Keang ที่ได้แปลเป็นภาษาไทยให้ได้อ่านเป็นความรู้ที่หาได้ยากยิ่ง” เพราะตรงกับจุดประสงค์ของผู้แปล เนื่องจากผู้แปลก็เป็นผู้ที่ศึกษาเรื่องชาผูเอ๋อร์อยู่เหมือนกัน มีโอกาสได้อ่านชุดบทความฯนี้จากต้นฉบับภาษาจีน(ค้นหาอ่านจากอินเตอร์เน็ต) โดยความเห็นส่วนตัวของผู้แปล ชุดบทความฯนี้เขียนออกมาได้ดีมากซึ่งครบครันทั้งเนื้อหาสาระความรู้มากมายเกี่ยวกับชาผูเอ๋อร์บนหลักทางวิทยาศาสตร์ แล้วคิดย้อนถึงผู้ที่มีความสนใจศึกษาเรื่องชาผูเอ๋อร์อยู่และอาจมีบางคนที่กำลังหาอ่านบทความลักษณะเช่นนี้(แนววิชาการทางวิทยสศาสตร์แบบรายละเอียดคมชัดและวิเคราะห์เจาะลึก)ในฉบับภาษาไทยหรือแม้แต่ฉบับภาษาอังกฤษคงจะแสนยากยิ่ง จึงได้ตัดสินใจทำการแปลชุดบทความฯนี้ แม้นถือเป็นงานแปลที่ยากพอสมควร เนื่องจากข้อจำกัดจากพื้นฐานความรู้ทางวิชาการโดยเฉพาะด้านชีววิทยา และข้อจำกัดจากความรู้ภาษาจีนโดยเฉพาะศัพย์เทคนิคต่างๆที่เป็นภาษาจีน ทางผู้แปลได้พยายามที่จะ แปล-เรียบเรียง-ย่อ-เขียน เพื่อให้ได้เนื้อหาใจความครบถ้วนและถูกต้องตรงตามต้นฉบับมากที่สุด แน่นอนไม่สามารถทำให้สมบูรณ์ 100% ข้อผิดพลาดใดๆที่ปรากฏ ต้องขออภัยต่อผู้เขียนต้นฉบับและท่านผู้อ่าน ณ ที่นี้ด้วยครับ

        เนื่องจากชุดบทความฯนี้ประกอบด้วยเนื้อหาความรู้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องทางด้านชีวภาพ ซึ่งความรู้ทางชีวภาพส่วนใหญ่จะไม่มีข้อสรุปสุดท้าย แต่จะมีการศึกษาค้นพบสิ่งใหม่ๆตามการค้นคว้าวิจัยเป็นไปตามวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น สิ่งใหม่ๆที่ค้นพบอาจเป็นการสริมเพิ่มเติมหรืออาจหักล้างสมมุติฐานหรือทฤษฎีเก่าก็ได้ ก็ต้องขอแนะนำท่านที่สนใจอ่านชุดบทความฯนี้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยครับ

        ชุดบทความแปล《4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》นี้ ถ้าหากมีคุณค่าของแก่นสารอยู่บ้างและคุณประโยชน์ไม่มากก็น้อยต่อท่านผู้ที่ติดตามอ่านบทความทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน ช่วยให้ได้เปิดโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น และเกิดแนวความคิดใหม่ๆต่อชาผูเอ๋อร์ สิ่งที่มีความดีความชอบมากที่สุดก็ต้องยกให้ผู้เขียน : เฉินเจี๋ย และต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ติดตามอ่านอย่าง “ไม่เหนื่อย ไม่เบื่อ ไม่ล้า” 

        ท้ายสุด ขอให้ทุกท่านมีความสุนทรียภาพในการดื่มชาผูเอ๋อร์---ดื่มประวัติศาสตร์ ดื่มวัฒนธรรม ดื่มธรรมชาติ ดื่มศิลปะ ดื่มการเปลี่ยนแปลง ดื่มกาลเวลา ดื่มคุณค่า หลอมรวมเป็นหนึ่งและรวมเพื่อหนึ่งอยู่ใน...“ความสุขที่คุณดื่มได้”...

        ผู้เขียน : เฉินเจี๋ย(陈杰) ถูกยกย่องให้เป็นผู้ริเริ่มคนแรกของธุรกิจฉาเกายุคสมัยใหม่ ประสบการณ์ทำงานด้านการศึกษาวิจัยทางจุลินทรีย์มา 30 ปี เคยดำรงเป็นนักวิจัยของ Kinetic Bio Pharmaceutic U.S.A. ปี 2002 ได้เริ่มหันมาทำการศึกษาการผลิตชาผูเอ๋อร์ โดยเป็นผู้อำนวยการของ Edmonton Tea Products (Hong Kong) Co., Ltd. เป็นผู้มีส่วนร่วมในการก่อตั้งองค์กรธุรกิจผลิตผูเอ๋อร์ฉาเกาแห่งแรกในประเทศจีน ได้ทำการถอดรหัสผูเอ๋อร์ฉาเกาพระราชวังสมัยราชวงค์ชิงเป็นผลสำเร็จ กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมและมาตรฐานวิธีการตรวจสอบสำหรับผูเอ๋อร์ฉาเกาเป็นครั้งแรกของยุคปัจจุบัน เป็นผู้นำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผูเอ๋อร์ฉาเกาซีรีย์คุณภาพชั้นยอดที่วางขายในท้องตลาดปัจจุบัน ถือเป็นผู้บุกเบิกเจ้าแรกในธุรกิจการค้าผูเอ๋อร์ฉาเกา
        เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2006 ได้ทำการศึกษาพัฒนา “Pu’er Damo(普洱茶母)” ที่ได้จากระดับการหมักและระดับความบริสุทธิ์สูงที่สุดในโลก(ไม่ได้ทำเพื่อการค้า) ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑสถานมณฑลหยินหนาน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ฉาเกาชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่เก็บในพิพิธภัณฑ์นี้ ไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากมุมมองของนักจุลชีววิทยาแล้วมาลองเชื่อมโยงสายโซ่ทางคุณค่าของชาผูเอ๋อร์ จึงได้เผยแพร่ชุดบทความ《4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》และ《วิสัยทัศน์ 50 ปีข้างหน้าของชาผูเอ๋อร์》ตามลำดับ เป็นต้น 

คุณค่าที่ 4 : คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณทางและกลไกทางยา (3)

คุณค่าที่ 4 ใน 4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์ : 
คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา (3) 
普洱茶的四大价值之四 : 内含药用成分及药用机理价值 (三)




        (2) สรรพคุณซ่อนเร้นของชาผูเอ๋อร์ (潜在的功能)

        ชาผูเอ๋อร์เป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณซ่อนเร้นต่อร่างกาย ที่กล่าวว่ามันเป็น “สรรพคุณ”(功能) ไม่ใช่ “คุณประโยชน์”(功效) เหตุผลสำคัญคือว่า “คุณประโยชน์” สามารถรับรู้จับต้องได้โดยตรงจากความรู้สึก ส่วน “สรรพคุณ” จะแอบซ่อนจากความรู้สึกของร่างกาย ต้องให้เวลาผ่านไปช่วงระยะหนึ่ง และต้องตรวจสอบโดยวิธีทางการแพทย์ประกอบด้วย จึงจะสามารถตรวจพบได้

        1. สรรพคุณซ่อนเร้นในการต่อต้านมะเร็ง (抗癌的潜在功能)

        ระยะเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มี “ผลงานวิจัย” มากมายที่เกี่ยวกับการศึกษาการต่อต้านมะเร็งของใบชา แต่ทั้งหมดจำกัดเป็นเพียงข้อคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน ยังไม่ถือเป็น “ข้อสรุปทางวิทยาสาสตร์” สุดท้ายได้ ในขณะที่ผู้คนจำนวนมากป้อนน้ำชาให้หนูทดลองดื่ม เพื่อค้นหากลไกการต่อต้านมะเร็ง ก่อนอื่นได้มองข้ามข้อเท็จจริงไปข้อหนึ่ง ในน้ำชาประกอบด้วยสารประกอบมากมายที่ละลายน้ำจากใบชา สารประกอบตัวไหนบ้างที่มีผลต่อกลไกการต่อต้านมะเร็ง ?

        ผู้คนจำนวนมากได้สกัดสารประกอบบางตัวในใบชาให้เป็นสารบริสุทธิ์ แล้วใช้วิธีทั้งแบบทานและแบบฉีด เพื่อค้นหา “ปัจจัย”(因子) ของกลไกการต่อต้านมะเร็ง แต่ผลที่ได้กับผลที่คาดหวังยังห่างไกลกันมาก จวบจนถึง ณ ปัจจุบันยังไม่มีผลอะไรที่เป็นการค้นพบใหม่ๆ

        เป็นความผิดพลาดของการกำหนดบริบท ใบชาเพื่อสำหรับเป็นเครื่องดื่ม มีคุณค่าอาหารทางพื้นฐานทั่วไป เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ยายังห่างไกลกันมาก เพราะไม่ได้ประกอบด้วยสารที่ทิ้ง “ต้นแบบ”(原形) ของอาหาร  ไม่สามารถเปลี่ยนเป็น “ผลิตภัณฑ์ยา”(药品) ได้ หรือแม้กระทั่งเป็น “วัตถุดิบยา”(药源) ยังไม่ได้เลย พูดอีกนัยหนึ่ง ถ้าหากเราค้นพบพืชที่มีสารชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดที่เป็น “วัตถุดิบยา” ที่สามารถทำเป็น “ผลิตภัณฑ์ยา” ในอนาคตได้นั้น ยังต้องนำกลุ่มสารนี้มา Purify(提纯) และผ่านกระบวนการใหม่อีก เพื่อให้หลุดพ้นจากโครงสร้างและคุณลักษณะของ “อาหารเดิม”(原食品) จึงสามารถเปลี่ยนเป็น “วัตถุดิบยา” บางชนิดได้

        ความเป็นจริง การศึกษาวิจัยการต่อต้านมะเร็งถือป็นโจทย์ที่ยากมากของนานาชาติ หลายปีที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้มามุ่งเน้นทางด้านจุลินทรีย์และเอนไซม์ เหตุผลสำคัญเพราะได้สังเกตเห็นว่า ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านจาการหมักจำนวนมากแอบแฝงด้วยสารที่สามารถเป็น “วัตถุดิบยา” ที่ต่อต้านมะเร็งได้ ปัจจุบัน ที่สังคมนานาชาติมาให้ความสนใจจุลชีววิทยาเภสัชกรรม เป็นเพราะว่ายิ่งศึกษายิ่งสังเกตเห็นว่าการใช้เทคโนโลยีชีวภาพมีโอกาศความเป็นไปได้ที่จะค้นพบ “วัตถุดิบยา” ชนิดนี้ได้

        สำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มใบชา ถ้าหากจะมีสารที่ซ่อนเร้นเป็น “วัตถุดิบยา” ต่อต้านมะเร็ง ถ้าเช่นนั้นความเป็นไปได้ก็มีเพียงหนึ่งเดียว คือ ชาผูเอ๋อร์ เหตุเพราะว่า :

        I. ชาผูเอ๋อร์เป็นอาหารจากการหมัก ในกลไกการหมักจะมีการ “จุ้นจ้าน”(干预) ของกลุ่มเชื้อจุลินทรีย์และเอนไซม์หลายชนิด ทำให้ชาผูเอ๋อร์ภายใต้การสลายและการเปลี่ยนแปลงของสารประกอบเกิดเป็นสารอนุพันธ์จำนวนมาก สารอนุพันธ์เหล่านี้ซ่อนเร้นไว้ซึ่งจะกลายเป็น “วัตถุดิบยา” ต่อต้านมะเร็งได้ง่าย เป็นเหตุให้ชาผูเอ๋อร์เพียบพร้อมด้วย “สาร” พื้นฐานที่มีสรรพคุณซ่อรเร้นในการต่อต้านมะเร็ง

        II. นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากได้ค้นพบว่าสารสุดท้าย(缔结物)ของ Thearubigins(TRs;茶红素)ในชาผูเอ๋อร์ซ่อนเร้นการเป็น “วัตถุดิบยา” ต่อต้านมะเร็ง แม้ว่าการศึกษาวิจัยยังอยู่ในขั้นตอนของห้องทดลอง ห่างจากความเป็นจริงอีกสักช่วงระยะหนึ่ง แต่ถือเป็นการนำเสนอสมมุติฐานมูลฐานที่เด่นชัดขึ้นของการศึกษาวิจัยกระบวนกลไกต่อต้านมะเร็งของชาผูเอ๋อร์

        III. ปีที่ผ่านมา มีทีมงานกลุ่มเล็กที่ทำการศึกษาวิจัยชีววิทยาอายุรกรรม ได้ทำการแยกสารบริสุทธิ์ออกจากฉาเกาผูเอ๋อร์ เช่น สารประกอบที่ได้จาก Catechin-Enzymatic Oxidation Polymerization(儿茶素酶促氧化聚合) และ Condensation Reaction(缩合反应) สารประกอบที่ได้จาก Non-Enzymatic Reaction(非酶促反应)  ของโพลิแซคคาไรด์ โปรตีน Nucleic Acid(核酸) และ Procyanidin(原花色素) เป็นต้น
        นักวิจัยได้ฉีดสารที่จงใจทำให้เกิดโรคมะเร็งเข้าไปในหนูทดลอง เมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่งหนูทดลองทั้งหมดจะเกิดเซลล์มะเร็ง แล้วนำสารบริสุทธิ์ดังกล่าวข้างต้นที่ถือเป็น “สารยา”(药物) โดยแยกกลุ่มหนูทดลองตามวิธีแบบทานยาและวิธีแบบฉีดยา ผลสุดท้ายได้พบเห็นว่า  สารบริสุทธิ์ที่เป็น “สารยา” มีผลต่อเซลล์มะเร็งในหนูทดลองโดยเกิดการ “จู่โจม”(扑捉) และ “ห่อหุ้ม”(包裹) แล้วเกิดผล “ตัดขาด”(切割) เซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเกิด Peptide Chain(肽链) ทำให้แหล่งอาหารหมดไป สุดท้ายเซลล์มะเร็งก็จะ “เหี่ยวแฟป”(枯萎) สูญเสียศักยภาพของการแบ่งตัวและเกิดใหม่ ถือเป็นสรรพคุณที่ฆ่าเซลล์มะเร็งได้

        การทดลองข้างต้นเพียงดำเนินการกับหนูทดลองเท่านั้น เป็นการ “เบิกโรง”(前奏) ของการศึกษาวิจัยต่อต้านมะเร็ง ขณะนี้เพียงจำกัดอยู่ในขั้นตอนของห้องทดลอง ยังห่างจากผลิตภัณฑ์ยาอีกยาวไกล ขอประกาศก่อนว่า สารต้นแบบที่เพียบพร้อมเป็น “วัตถุดิบยา” ที่ได้จากฉาเกาผูเอ๋อร์นี้ซึ่งต้องผ่านกระบวนการ “ปฏิรูป”(改造) โดยใช้เทคโนโลยีชีวภาพหลายๆแบบ จึงยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าฉาเกาผูเอ๋อร์เพียบพร้อมด้วยคุณประโยชน์ทางตรงในการต่อต้านมะเร็งได้

        แต่มีจุดที่พวกเราไม่ควรมองข้าม คือ ความจริงร่างกายคนเราก็คือ “โรงงานผลิตทางชีวภาพ”(生物加工厂) เมื่อชาผูเอ๋อร์เข้าสู่ร่างกายจะได้ผ่านกระบวนการ “ผลิตใหม่”(再加工) ซึ่ง “ผลิตใหม่” แบบนี้จะเกิดผลเช่นใดเราไม่ทราบได้ ฉะนั้น เราได้แต่กำหนดแบบอนุรักษ์นิยมให้ ชาผูเอ๋อร์มีสรรพคุณซ่อนเร้นในการต่อต้านมะเร็ง


        2. สรรพคุณซ่อนเร้นในการลดความดันโลหิตและลดไขมันในเลือด (降血压与降血脂的潜在功能)

        ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความดันโลหิตและลดไขมันในเลือดเป็นหัวข้อที่เป็นกระแส “ร้อนแรง”(热门) มากที่สุดในขณะนี้ มีผลงานวิจัยทยอยนำเสนอออกมาไม่ขาดสาย ความจริง ที่เราจัดชาผูเอ๋อร์มีสรรพคุณซ่อนเร้นในด้านนี้ ไม่ใช่คุณประโยชน์ทางตรง เพื่อจะสื่อให้เห็นว่า สรรพคุณของชาผูเอ๋อร์เป็นปฏิกิริยาของคุณลักษณะ “ทางอ้อม”(间接) ยังขาดศักยภาพของ ทางตรง”(直接)

        ที่เรากล่าวว่าชาผูเอ๋อร์มีสรรพคุณซ่อนเร้นในการลดความดันโลหิตและลดไขมันในเลือด สืบเนื่องจาก “Road Map”(路径) ของชาผูเอ๋อร์มีความพิเศษในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้ :

        i. ชาผูเอ๋อร์เป็นผลิตภัณฑ์จากการหมัก ผลิตภัณฑ์จากการหมักส่วนใหญ่จะมีกลุ่มสาร Statin(他汀类物质) อย่างเช่น Lovastatin, Simvaststin เป็นต้น ซึ่งเป็นสารที่เป็นส่วนประกอบของยาลดไขมันในเลือด แม้ว่าจะมีปริมาณน้อยมากประกอบอยู่ในชาผูเอ๋อร์ ไม่สารมารถมีศักยภาพแทน “ผลิตภัณฑ์ยา” ได้ แต่ก็มีผลต่อ “เป้าหมาย”(靶向) ที่แน่นอน มีข้อพิจารณาที่น่าสนใจ ปัจจุบันในแวดวงการแพทย์นานาชาติมีการรายงานเชื่อว่ายาจากกลุ่มสาร Statin(หมายถึงยาได้จากการสังเคราะห์ทางเคมี)จะไปรบกวน CoenzymeQ10(辅酶)ในร่างกาย เมื่อทานยา Statin ต่อเนื่องกันเป็นเวลายาวนานแล้วจะไปทำลายตับและนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ ดังนั้น ในการลดคอเลสเตอร์รอล ขั้นตอนแรกไม่ควรที่จะใช้ยา  ควรใช้โปรแกรมโภชนาการที่ออกแบบครอบคลุมการลดคอเลสเตอร์รอล ถ้าเช่นนั้น ชาผูเอ๋อร์ที่มีส่วนประกอบของสาร Statin จากธรรมชาติเกิดจากกลไกการหมัก ไม่ใช่ “ยาแผนปัจจุบันจากการสังเคราะห์ทางเคมี”(西药化学合成) เป็นตัวเลือกแรกในโปรแกรมโภชนาการนี้

        ii. สารสีชา(茶色素)ในชาผูเอ๋อร์มีสรรพคุณซ่อนเร้นในการลดไขมันในเลือด ผ่านการเปลี่ยนรูปแบบเม็ดเลือดแดงในเลือด โดยการปรับสภาพการรวมตัวของเม็ดเลือดแดง(红细胞聚集性) และการจับตัวของเกร็ดเลือด(血小板黏附性) ลดความหนืดของน้ำเลือดผลเลือดทั้งหมดความหนืดลดลง การไหลเวียนดีขึ้น ผลด้านนี้ TRs ในชาผูเอ๋อร์ถือเป็น “กำลังหลัก”(主力军) เนื่องจากมีคุณสมบัติการซึมผ่าน(渗透性)ได้ดี ชาผูเอ๋อร์ยิ่งเก่ายิ่งมี TRs ประกอบอยู่มากผลลัพธ์ยิ่งดี

        iii. คาเฟอีนและธีโอฟิลลิน(茶碱)ในชาผูเอ๋อร์จะช่วยในการขับปัสสาวะ มีสรรพคุณซ่อนเร้นในการบำบัดความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง เป็นที่ทราบกันดีว่า ผู้ที่ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงจะทานยา Dihydrochlorothiazide, Indapmide, Furosemide เป็นต้น ซึ่งยาเหล่านี้พื้นฐานเป็นสารขับปัสสาวะ เพราะการขับปัสสาวะเป็นวิธีที่สำคัญในการบำบัดรักษาความดันโลหิตสูงวิธีหนึ่ง คาเฟอีนและธีโอฟิลลินจะไปกระตุ้นกระเพาะปัสสาวะแล้วเกิดผลทางขับปัสสาวะ ขณะเดียวกัน เนื่องจากคาเฟอีนและธีโอฟิลลินยังทำให้กล้ามเนื้อหลอดเลือดผิวเรียบผ่อนคลาย ทำให้หลอดเลือดขยาย เป็นผลให้ความดันโลหิตลดลงได้ในระดับหนึ่ง สิ่งที่สำคัญคือ คาเฟอีนสามารถแยกโซเดียมไอออน(钠离子)จากเลือดได้ เนื่องจากโซเดียม 1 ตัวจะต้องคาดคั้นกับน้ำ 5 โมเลกุล เป็นเหตุให้ปริมาณเลือดเพิ่มสูงขึ้น แล้วเกิดแรงดันที่ผนังหลอดเลือด คาเฟอีนสามารถกำจัดโซเดียมได้ ทำให้ปริมาณเลือดลดลง แล้วเป็นผลทางอ้อมในการลดความดันโลหิต

        ตามข้อเท็จจริง ในวงการรักษาทางแพทย์นานาชาติในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง จะนำเสนอวิธีการรักษาแบบใช้ยาและไม่ใช้ยา ซึ่งวิธีการรักษาแบบไม่ใช้ยามีข้อดีมากกว่าใช้ยา เป็นทางเลือกแรกที่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงควรเลือก ชาผูเอ๋อร์ก็อยู่ในบริบทของการรักษาแบบไม่ใช้ยา


        3. สรรพคุณซ่อนเร้นในการลดน้ำตาลในเลือด (降血糖的潜在功能)

        วิถีชีวิตชาวบ้านของจีนและญี่ปุ่น มีประสบการณ์ที่ใช้ใบชาแก่มารักษาโรคเบาหวานเป็นประจำ ผู้เชี่ยวชาญด้านใบชาชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อได้ทำการทดลองในปี 1987 โดยใช้น้ำเย็นสกัดสารออกจากใบชา แล้วขจัดสารไขมันและโปรตีนออกไป ทำสารทีโพลิแซคคาไรด์ให้บริสุทธิ์ซึ่งมีคุณประโยชน์ในการลดน้ำตาลในเลือดได้เหมือนใบชาแก่ จากหลักฐานชิ้นนี้ เขาเชื่อว่าส่วนประกอบในใบชาที่มีผลต่อการลดน้ำตาลในเลือด คือ สารประกอบของโพลิแซคคาไรด์(复合多糖)ที่ละลายน้ำได้ ผลงานการทดลองชิ้นนี้ถูกวงการชาเขียวนำไปใช้อ้างอิงบ่อยๆ นำไปสู่เกิดผลงานวิจัยการลดน้ำตาลในเลือดของชาเขียวมากมายตามมา แต่...ในวันนี้มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่เราต้องสังเกตและสนใจ คือ ถ้าไม่มีการแยกเพื่อขจัดไขมันและโปรตีนออกไป และใช้วิธีการทำสารให้บริสุทธิ์เพื่อให้ได้ทีโพลิแซคคาไรด์แล้ว คุณประโยชน์ของชาเขียวในการลดน้ำตาลในเลือดแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะการทำทีโพลิแซคคาไรด์ให้เป็นสารบริสุทธิ์อยู่ในบริบทของวิศวกรรมเคมีที่ต้องละเอียดละออมาก เทียบกับชาเขียวที่ใช้ดื่มประจำเป็นคนละแนวคิด

        ชาผูเอ๋อร์มีข้อแตกต่าง เพียงขอให้เป็นชาผูเอ๋อร์ที่ผ่านการหมักมาแล้วไม่ว่าจะหมักตามธรรมชาติหรือหมักโดยวิธีที่คนไปเร่งให้เร็วขึ้นจะมีทีโพลิแซคคาไรด์สูงกว่าชาเขียวและชาอูหลง ดังนั้น ถ้าพูดถึงด้านใบชา ไม่มีข้อสงสัยที่จะจัดชาผูเอ๋อร์ในการลดน้ำตาลในเลือดเป็นอันดับต้นๆของกลุ่มใบชา เป็นเพราะเหตุผล ดังนี้

        I. วัตถุดิบของชาผูเอ๋อร์จะใช้ใบชาแก่ป็นส่วนประกอบหลัก พื้นฐานเป็นใบชาแก่ที่เหมือนหรือใกล้เคียงกับใบชาแก่ที่วิถีชาวบ้านใช้รักษาโรคเบาหวานที่สืบทอดกันมา ปริมาณของโพลิแซคคาไรด์จะแปรตามอายุของใบชา ใบชายิ่งแก่ปริมาณโพลิแซคคาไรด์ยิ่งมาก

        II. ชาผูเอ๋อร์ในระหว่างการหมัก กลุ่มสารประเภทไขมันและโปรตีนจะถูกสลายและแปรเปลี่ยน ทำให้ปริมาณทีโพลิแซคคาไรด์เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน ทีโพลิแซคคาไรด์ซึ่งเป็นสารประกอบโมเลกุลใหญ่ที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพ เมื่อผ่านกลไกการหมักจะถูกสลายแตกตัวเปลี่ยนเป็น Oligosaccharide(低聚糖 หรือ 寡糖) ซึ่งเป็นสารโมเลกุลเล็ก ประจวบเหมาะกับ Oligosaccharide สารโมเลกุลเล็กนี้ก็คือ “เสนาบดีผู้มีความชอบ”(功臣) ตัวสำคัญของชาผูเอ๋อร์ในการลดน้ำตาลในเลือด

        III. Oligosaccharide คือ โมโนแซคคาไรด์(单糖) 2-4 ตัวมาเชื่อมต่อกันผ่าน Glucoside Bond(糖苷键)เป็น Small Polymer(小聚体) เป็นน้ำตาลที่มีความพิเศษ คือ : กระเพาะและลำไส้จะย่อยและดูดซึมได้ยาก ความหวานต่ำ แคลอรี่ต่ำ และไม่ขึ้นกับอินซูลิน ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือเป็นโรคเบาหวานทาน ขณะเดียวกัน มันยังสามารถปรับระบบนิเวศของจุลินทรีย์ภายในร่างกาย มีผลดีต่อการเพิ่มจำนวนของเชื้อ Bacillus Bifidus(双歧杆杆菌) และจุลินทรีย์อื่นๆที่มีประโยชน์ Oligosaccharide ในชาผูเอ๋อร์เมื่อผ่านเมตาบอลิซึมจะเกิดเป็นกรดอินทรีย์ทำให้ค่า pH ภายในลำไส้ลดต่ำลง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ Salmonnella(沙门氏菌) และ Spoilage Bacteria(腐败菌)  รักษาและป้องกันอาการท้องผูก พร้อมทั้งช่วยเพิ่มสารประกอบประเภทวิตามิน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้สูงขึ้น ผลทั้งหมดนี้เป็นผลทางอ้อมทำให้เกิดสรรพคุณในการลดน้ำตาลในเลือด


        แน่นอน “สารัตถประโยชน์ที่ 3”(第三功能) ของชาผูเอ๋อร์ยังครอบคลุมถึงเนื้อหาอีกมากมาย ผู้เขียน(เฉินเจี๋ย)เพียงแต่นำส่วนที่สำคัญไม่กี่ประเด็นมาอธิบายแบบให้เข้าใจง่าย และการเขียนแต่ละตอนเนื่องจากข้อจำกัดของตัวอักษรที่กำหนดให้เขียน จึงไม่สามารถทำการวิเคราะห์อย่างกว้างขวางได้

........จบบริบูรณ์........


(แปล-เรียบเรียง-ย่อ จากบทความ 4 คุณค่าของชาผูเอ๋อร์ --- คุณค่าที่ 4 : คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา...เขียนโดย เฉินเจี๋ย)

โพสต์นี้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2558 ลงในเฟสเพจสมาคมผู้รักชาผูเอ่อร์แห่งประเทศไทย  https://www.facebook.com/groups/1465523990337272/

คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา (2)
ปัจฉิมลิขิตจากผู้แปล4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์》

คุณค่าที่ 4 : คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณทางและกลไกทางยา (2)

คุณค่าที่ 4 ใน 4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์ : 
คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา (2) 
普洱茶的四大价值之四 : 内含药用成分及药用机理价值 (二)




        ๓. “สารัตถประโยขน์ที่ 3” ของชาผูเอ๋อร์

        (1) คุณประโยชน์ทางตรงของชาผูเอ๋อร์ (直接的功效)

        “สารัตถประโยชน์ที่ 3” ของชาผูเอ๋อร์ ส่วนที่สำคัญคือคุณประโยชน์ทางตรง เหตุที่ใช้คำว่า “ทางตรง”(直接) ก็เพราะว่าคุณประโยชน์ส่วนนี้ทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ความรู้สึกสัมผัสรับรู้โดยตรงได้จากสรรพคุณที่เป็นรูปธรรม คุณประโยชน์นี้มีอยู่ 3 ด้าน 

        1. คุณประโยชน์ในการสร่างเมาและปกป้องตับ (解酒护肝的功效)

        คุณประโยชน์ของชาผูอ๋อร์ในการสร่างเมาเป็นที่เห็นพ้องต้องกันมานานแล้ว และในบรรดาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการสร่างเมา ชาผูเอ๋อร์ถูกจัดให้อยู่ในอันดับต้นๆ

        ระบบการย่อยสลายเอธิลแอลกอฮอล์ในร่างกายปัจจัยหลักอาศัยเอนไซม์ 2 ชนิด คือ Ethanol Dehydrogenase(乙醇脱氢酶) และ Acetaldehyde Dehydrogenase(乙醛脱氢酶) เอนไซม์ตัวแรกทำให้แอลกอฮอล์แปรเปลี่ยนเป็น Acetaldehyde(乙醛) เอนไซม์ตัวหลังทำให้ Acetaldehyde ที่เป็นสารมีพิษแปรเปลี่ยนเป็น Acetic Acid(乙酸) ซึ่งไม่มีพิษ Acetic Acid จะถูกร่างกายเปลี่ยนเป็นพลังงานทันที สุดท้ายเปลี่ยนเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ

        ชาผูเอ๋อร์ที่ประกอบด้วย L-Alanine(L-丙氨酸) เมื่อเข้าสู่ร่างกายทำให้เกิดเป็น Pantothenic Acid(Vitamin B;泛酸) จำนวนมากซึ่งจะไปสนับสนุนให้ระบบการย่อยแอลกอฮออล์ให้ทำงานปกติ นอกจากนี้ L-Cysteine(半胱氨酸) จะทำปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ เร่งอัตราการย่อยสลายแอลกอฮอล์ให้เร็วขึ้น และช่วยดูดซึมแอลกอฮอล์ปริมาณบางส่วน เป็นการเพิ่มความสามารถของร่างกายในการแบกรับแอลกอฮอล์ได้มากขึ้น(คอแข็งขึ้น) L-Cysteine สามารถแปรเปลี่ยนเป็น  Cystine(胱氨酸) เป็นตัวช่วย Taurine(牛黄酸) ในการซ่อมแซมเซลล์ตับ เซลล์สมอง เยื่อบุผิวและเนื้อเยื่อในกระเพาะอาหาร จากความหมายดังกล่าวนี้ กระบวนการสร่างเมาก็คือกระบวนการปกป้องตับ

        มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ได้ทดลองใช้วิธีนี้ คือ ในขณะที่ดื่มเหล้าก็ทำการดื่มชาผูเอ๋อร์ควบคู่กันไป วิธีนี้จะทำให้คอแข็งขึ้น แต่อยากชี้ให้เห็นว่า การดื่มเหล้าด้วยวิธีนี้เบื้องหน้าคือทำให้คอแข็งขึ้น แต่จะไม่เกิดผลทางปกป้องตับ เพราะว่าแอลกอฮอล์ทั้งหมดจะถูกย่อยสลายที่ตับ ตับคนเราในแต่ละวันสามารถทำการย่อยสลายแอลกอฮอล์ได้เพียงประมาณ 0.50 กรัม/นน.ตัว 1 กก. คนที่มีน้ำหนักตัว 70 กก. อนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์จำกัดปริมาณต่ำกว่า 35 กรัม โดยเฉพาะคนที่อ่อนไหวต่อแอลกอฮอล์ยิ่งต้องลดปริมาณการดื่มลงมา ขอส่งเสริมการไม่ดื่มเหล้าหรือดื่มแต่น้อย เมื่อดื่มเหล้าเสร็จแล้วควรดื่มชาผูเอ๋อร์เพื่อสร่างเมาด้วย จุดประสงค์หลักเพื่อปกป้องตับ ลดการทำลายตับจากแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะใช้วิธีใดที่สร่างเมาเพื่อให้การดื่มเหล้าได้มากขึ้นนั้นไม่ควรได้รับการส่งเสริม ซ้ำยังขาดหลักทางวิทยาศาสตร์


        2. คุณประโยชน์ในการย่อยอาหารและละลายไขมัน (消食, 解牛腻的功效)

        เป็นที่ทราบกันในหมู่คนดื่มชาผูเอ๋อร์ว่า หลังจากทานอาหารที่หนักทางเนื้อสัตว์แล้วดื่มชาผูเอ๋อร์ ระบบการย่อยอาหารจะเร็วมาก เดิมเป็นความรู้ที่เข้าใจผิดว่า สาเหตุที่ชาผูเอ๋อร์ช่วยในการย่อยอาหารและละลายไขมันได้เพราะคาเฟอีนในชาผูเอ๋อร์ไปกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะและลำไส้(Gastrointestinal Peristalsis;胃肠蠕动) ทำให้ระบบการย่อยอาหารรวดเร็วขึ้น แต่เหตุผลแท้จริงไม่เป็นไปตามนั้น เพราะนักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองพิสูจน์แล้วว่า น้ำย่อยในกระเพาะมีสารที่สามารถย่อยเนื้อสัตว์ประกอบอยู่ อย่างเช่นเอนไซม์ Pepsin(胃蛋白酶) Glucoamylase(糖化酶) เป็นต้น

        ในกระบวนการหมักของชาผูเอ๋อร์ จะประกอบด้วยเอนไซม์ Cellulase(纤维素酶) Pectinase(果胶酶) ทำงานร่วมกับเอนไซม์ชนิดอื่นๆทำการแปรเปลี่ยนได้สารอนุพันธ์จำนวนมาก ในบรรดาสารอนุพันธ์เหล่านี้นอกจากจะมี Glucoamylase แล้ว ยังมีเอนไซม์ชนิดอื่นๆที่ทำปฏิกิริยากับ Bio-Enzyme(生物酶系) ที่อยู่ในกระเพาะและลำไส้ เพิ่มการหลั่งของ Pepsin แล้วเสริมให้ Pepsin มีฤทธิ์มากขึ้น ทำให้กระเพาะมีความสามารถในการย่อยอาหารโปรตีนเพิ่มมากขึ้น เพิ่มสมรรถภาพของระบบการย่อยอาหารของร่างกายให้สูงขึ้น

        คุณประโยชน์ของชาผูเอ๋อร์ในด้านช่วยย่อยอาหารและละลายไขมันนั้น มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่เป็นรูปธรรม คือ คุณประโยชน์นี้ขึ้นอยู่กับสภาวะร่างกายของคนๆนั้น สำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรง เมื่อทานเนื้อสัตว์มากแล้วดื่มชาผูเอ๋อร์จะเกิดผลของการช่วยย่อยอาหารและละลายไขมันเด่นชัดมาก ส่วนคนที่มีสุขภาพอ่อนแอผลอาจไม่เป็นไปตามที่คาด สาเหตุหลักเพราะว่า ระบบการย่อยของร่างกายเป็นการ  “พึ่งตนเอง” ขึ้นอยู่กับกลุ่มเอนไซม์เป็นตัวกำหนด สมรรถภาพในการย่อยอาหารและละลายไขมันของชาผูเอ๋อร์เป็นเพียงตัวช่วยไม่ใช่เป็นตัวปัจจัยหลัก คนที่สุขภาพแข็งแรงกลุ่มเอนไซม์ในกระเพาะและลำไส้สมบูรณ์ และมี “พลังขับเคลื่อน” เหลือเฟือ ส่วนคนที่สุขภาพอ่อนแอกลุ่มเอนไซม์ฯเกิดการชำรุดทรุดโทรม สมรรถภาพการขับเคลื่อนต่ำ ชาผูเอ๋อร์สามารถค่อยๆซ่อมแซมเอนไซม์กลุ่มนี้ แต่จะไม่ส่งผลเหมือนการใช้ “ยา” 

        เนื่องจากชาผูเอ๋อร์มีคุณประโยชน์ช่วยในการย่อยอาหารและละลายไขมัน ทำให้ผู้คนจำนวนมากยกระดับชาผูเอ๋อร์เป็นอาหารประเภท “ลดความอ้วน” นี้ก็เป็นการเข้าใจที่ผิด

        ความอ้วนเกิดจากหลายสาเหตุ ปัจจุบัน เราแบ่งความอ้วนออกเป็น Simple Obesity(单纯性肥胖) และ Secondary Obesity(继发性肥胖) 2 แบบ แบบแรกคือร่างกายมีปริมาณแคลอรี่ที่บริโภคเข้าไปมากกว่าการเผาผลาญ ทำให้เกิดไขมันส่วนเกินในร่างกายสะสมอยู่ใต้ผิวหนังแล้วทำให้น้ำหนักตัวเกินกว่าปกติ ระบบการย่อยและกระบวนการเผาผลาญอาหารทำงานปกติ เพียงแต่มีภาวะโภชนาการและวิถีการดำเนินชีวิตที่ไม่สมดุล และขาดการออกกำลังกาย แบบหลังจะแตกต่างกัน สาเหตุเกิดจากโรคที่มีการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อ(器质性病变)เหตุจากต่อมไร้ท่อและการเผาผลาญอาหารที่ทำงานไม่ปกติ เช่น การหลั่ง Insulin มากเกินไป เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น จำเป็นที่จะต้องรักษาโรคให้หายขาดก่อน ความอ้วนจึงจะสามารถลดลงได้

        ชาผูเอ๋อร์มีผลในการลดความอ้วนแบบ Simple Obesity แต่ผู้ที่จะลดความอ้วนต้องบริโภคให้ถูกต้องตามหลักโภชนาบัญญัติและออกกำลังกายที่เพียงพอ และต้องมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย การลดความอ้วนจึงจะสัมฤทธิ์ผล ชาผูเอ๋อร์ในด้านนี้มีบทบาทเป็นเพียงตัวช่วยไม่ใช่เป็นตัวเอก
        ส่วนความอ้วนแบบ Secondary Obesity ชาผูเอ๋อร์ไม่สามารถทำให้เกิดผลใดๆ เพราะความอ้วนแบบนี้ถือเป็นโรคชนิดหนึ่ง จำเป็นต้องผ่านการวินิจฉัยจากทางการแพทย์แล้วหาวิธีรักษา ชาผูเอ๋อร์ในด้านนี้ไม่มีผลแม้จะเป็นตัวช่วย จำต้องอาศัยยาในการรักษา

        3. คุณประโยชน์ในการดูแลกระเพาะอาหาร (养胃的功效)

        ชาผูเอ๋อร์มีข้อแตกต่างจากชาชนิดอื่นๆที่เด่นชัดที่สุดข้อหนึ่ง คือ ชาผูเอ๋อร์สามารถดื่มในขณะท้องว่างได้ ไม่เกิดผลทำร้ายกระเพาะและลำไส้แล้วยังมีคุณประโยชน์ในการดูแลกระเพาะอาหารได้  เนื่องจากสาเหตุ 3 ประการ 

        I. ชาผูเอ๋อร์หลังผ่านจากการหมัก จะเกิดสารอนุพันธ์จำนวนมากและเป็นสารโมเลกุลเล็ก(小分子) มีผลดีต่อการดูดซึมของกระเพาะและลำไส้ได้ง่าย ผลการกระตุ้นต่ำ ต่างจากชาเขียวและชาอูหลงแม้ว่าประกอบด้วยทีโพลิฟีนอลส์มากกว่าชาผูเอ๋อร์ แต่ทีโพลิฟีนอลส์ประกอบด้วยสารประกอบส่วนใหญ่เป็นสารโมเลกุลใหญ่(大分子) เมื่อดื่มในขณะท้องว่างจะเกิดผลกระตุ้นต่อกระเพาะและลำไส้อย่างรุนแรง ดังนั้น ผู้ใหญ่ที่มีสภาพร่างกายอ่อนแอและเด็กจะถูกเตือนให้ระมัดระวังอย่าดื่มชาเขียวในขณะท้องว่าง เช่นกัน ชาดิบผูเอ๋อร์ใหม่ๆจงอย่าดื่มในขณะท้องว่าง ชาดิบผูเอ๋อร์ที่ผ่านพัฒนาการแล้ว 20 ปีขึ้นไปและชาสุกผูเอ๋อร์ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไปจะมีคุณประโยชน์ในการดูแลกระเพาะอาหารอันเนื่องจากสารโมเลกุลเล็กเป็นปัจจัยหลัก

        II. ชาผูเอ๋อร์ประกอบด้วย Pectin(果胶) มากกว่าชาชนิดอื่นๆ สารนี้นอกจากมีคุณสมบัติการดูดซึมได้ดี ยังสามารถเหนียวติดและขจัดเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอัตรายและสารพิษออกจากร่างกาย เช่น ธาตุโลหะหนักตะกั่ว ปรอท และธาตุกัมมันตรังสี เป็นปฏิบัติการล้างพิษในขณะเดียวกันดูแลปกป้องเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร ช่วยระบบการย่อยอาหาร สำหรับผู้ที่มีแผลในกระเพาะหรือเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ  Pectin ในชาผูเอ๋อร์สามารถเปลี่ยนเป็นเยื่อบางๆเคลือบปิดแผลในกระเพาะแล้วทำให้แผลสมานหายได้ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคกระเพาะอาหารจึงเหมาะที่จะดื่มชาผูเอ๋อร์

        III. คาเฟอีนในชาผูเอ๋อร์ทำให้กรดในกระเพาะอาหารมีฤทธิ์เป็นกลาง ปรับปรุงระบบการย่อยอาหารให้มีสมรรถภาพดีขึ้น

        ขอส่งเสริมให้ผู้ดื่มชาผูเอ๋อร์ทุกเช้าดื่มชาผูเอ๋อร์อุ่นๆ 1 แก้ว ดีที่สุดเป็นฉาเกาผูเอ๋อร์หรือชาสุกผูเอ๋อร์ที่คุณภาพดีอายุ 3 ปีขึ้นไป ถ้าเงื่อนไขอำนวย ดื่มชาดิบผูเอ๋อร์เก่า 30 ปีขึ้นไปก็จะเป็นการที่ดีกว่า โดยเฉพาะกระเพาะที่มีความเป็นกรดสูง หรือผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบและมีแผลในกระเพาะ และถ้าหากผสมน้ำผึ้งเล็กน้อยลงในชาผูเอ๋อร์จะทำให้คุณประโยชน์ในการดูแลกระเพาะอาหารมีผลดียิ่งขึ้น

       หลักการสำคัญของการดูแลกระเพาะอาหาร(胃)ถือเป็นการ “ดูแล”() และ “ดูแล” ลักษณะนี้ไม่ใช่จะเห็นผลได้ทันที แต่จะต้องมีความต่อเนื่องและ “มุ่งมั่น” จึงจะเกิดสัมฤทธิ์ผลได้ แน่นอนจะต้องรักษาวิถีการดำเนินชีวิตให้สมดุล...

........ยังมีต่อ........


(แปล-เรียบเรียง-ย่อ จากบทความ 4 คุณค่าของชาผูเอ๋อร์ --- คุณค่าที่ 4 : คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา...เขียนโดย เฉินเจี๋ย)


โพสต์นี้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2558 ลงในเฟสเพจสมาคมผู้รักชาผูเอ่อร์แห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/groups/1465523990337272/

คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา (1)
คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา (3)

คุณค่าที่ 4 : คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณทางและกลไกทางยา (1)

คุณค่าที่ 4 ใน 4 คุณค่าที่ยิ่งใหญ่ของชาผูเอ๋อร์ : 
คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา (1)
普洱茶的四大价值之四 : 内含药用成分及药用机理价值 (一)




        ๑. ชาผูเอ๋อร์เป็นเครื่องดื่มที่ครบครันด้วย "สารัตถประโยชน์ที่ 3"

        เป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน ที่พวกเรามักคุ้นกับการจัดแยกประเภทของชาตามสีที่อวัยวะประสาทสัมผัสได้ เช่น ชาเขียว ชาแดง ชาดำ ชาเหลือง ชาขาว เป็นต้น น้อยมากที่จะจัดแยกประเภทของชาตามสารัตถประโยชน์ ปัจจุบันนานาชาติได้ข้ามไปศึกษาใบชา โดยให้ความสำคัญทางด้านสารัตถประโยชน์ของใบชา และได้จัดแบ่งออกเป็น 3 สารัตถประโยชน์ :

  1. สารัตถประโยชน์ด้านโภชนาการ---คือใบชามีสารอาหารพื้นฐานที่จำเป็นครบถ้วน ซึ่งครอบคลุมถึงชาทุกประเภท 
  2. สารัตถประโยชน์ทางความรู้สึก---คือ สี กลิ่น รส รูปของใบชา ที่ผู้คนเมื่อได้เสพดื่มแล้วมีความรู้สึกที่สุนทรีย์และสดชื่น เช่น ชาเขียว ชาอูหลง เป็นต้น
  3. สารัตถประโยชน์ด้านพิเศษ---คือนอกจากจะได้ความพึงพอใจด้านโภชนาการ(สรป.1)และทางความรู้สึก(สรป.2)แล้ว ผลิตภัณฑ์ชาที่สามารถปรับกลไกทางชีวภาพของร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล ถือเป็น"ชาเพื่อสุขภาพ" หรือ "สารัตถประโยชน์ที่ 3"(第三功能)
        ทุกวันนี้เศรษฐกิจสังคมได้เจริญก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ฉับไว คุณภาพชีวิตที่อยู่ดีกินดีเกินไป และต้องผจญอยู่ในอุตสาหกรรมยุคปัจจุบันและสังคมในเมืองยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยมลภาวะเป็นพิษทางอากาศ น้ำ อาหาร เป็นต้น ภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บและโรคติดต่อมีสูงขึ้น ทำให้ผู้คนต้องเริ่มหันมาให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพเพื่อชีวิตที่ยืนยาวขึ้น พร้อมให้ความสำคัญกับเรื่องรสชาติในการบริโภคมากยิ่งขึ้น อาหารเพื่อสุขภาพจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพื่อสรรพคุณด้านโภชนาการที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้แก่ร่างกายและป้องกันโรคต่างๆได้ดี และช่วยปรับปรุงระบบและสภาพการทำงานของร่างกายให้อยู่ในภาวะสมดุล

        "อาหารเพื่อสุขภาพ"(Functional Foods) ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพของสารที่มีคุณสมบัติทางยาจากพืชตามธรรมชาติ ปัจจุบันประเทศที่เจริญแล้วส่วนใหญ่จะจัดอาหารที่ได้จากการหมักหรือเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพเป็น "อาหารเพื่อสุขภาพ" ซึ่งสามารถ "มีฤทธิ์" ทีมีผลต่อระบบการทำงานของร่างกายและผลต่อสุขภาพ องค์ประกอบที่ "มีฤทธิ์" ลักษณะนี้เกี่ยวโยงกันระหว่างสรีรวิทยาและชีวเคมี เมื่อนำองค์ประกอบที่ "มีฤทธิ์" ผ่านการวิเคราะห์โดยวิธีการทางวิทยาศาสตร์แล้ว สามารถค้นพบว่าอาหารเพื่อสุขภาพจะประกอบด้วยองค์ประกอบทางยาจำนวนมากและมีกลไกทางยา

        ใบชาจัดอยู่ในบริบทของอาหาร ถือเป็นหนึ่งใน 3 เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ที่นิยมดื่มมากที่สุดในโลก ดังนั้น สังคมนานชาติจึงได้ใช้ "การหมัก" มาจัดแบ่งประเภทของชา โดยแบ่งชาแบบไม่มีการหมัก(เช่นชาเขียว) ชาแบบหมักระดับต่ำ(เช่นชาอูหลง) ชาแบบหมักระดับเต็มที่(เช่นชาแดง) ชาแบบหมักภายหลัง(เช่นชาผูเอ๋อร์) เป็นต้น

        ชาผูเอ๋อร์เป็นผลิตภัณฑ์จากการหมักทางชีวภาพ แม้ว่ากระบวนการและวิธีการผลิตเมื่อเทียบกับวิศวกรรมชีวภาพยุคใหม่แล้วถือเป็นแบบโบราณล้าสมัย แต่เป็นต้นแบบโบราณที่สามารถค้นหาเทคโนโลยี : 1 การแปรเปลี่ยนทางชีวภาพโดยจุลินทรีย์ของสารยาจากธรรมชาติ ; 2 การแปรเปลี่ยนทางชีวภาพโดยเอนไซม์ของสารยาจากธรรมชาติ ; 3 การแปรเปลี่ยนทางชีวภาพโดยเซลล์พืชของสารยาจากธรรมชาติ เป็นเครื่องดื่มในบรรดาชา่ทุกประเภทที่มีครบครันด้วยลักษณะเด่นของ "อาหารเพื่อสุขภาพ"

        แต่ทว่า ต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า แม้ว่าชาผูเอ๋อร์ประกอบด้วยองค์ประกอบบางตัวที่มีคุณสมบัติทางยา และดำรงไว้ซึ่งกลไกทางยาบางด้าน แต่ถ้าจะยกระดับชาผูเอ๋อร์เป็น "ยา" ที่สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บบางโรคได้นั้น ถือเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่า "อาหารเพื่อสุขภาพ" และ "ผลิตภัณฑ์ยา" มีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน "เป้าหมาย"(靶向) ของ "ผลิตภัณฑ์ยา" จะต้องชัดเจน และใช้กับผู้ป่วยอย่างเคร่งครัด ส่วน "อาหารเพื่อสุขภาพ" ไม่ใช่การรักษา "เป้าหมาย" ของโรคภัยไข้เจ็บ เป็นอาหารเสริมเพื่อบำรงสุขภาพ และช่วยปรับดุลยภาพของสรีระให้อวัยวะต่างๆทำงานได้ตามปกติ

        ๒. แก่นแท้ "สารัตถประโยชน์ที่ 3" ของชาผูเอ๋อร์ คือการแปรเปลี่ยนทางชีวภาพโดยจุลินทรีย์ของสารที่มีคุณสมบัติทางยาจากพืชตามธรรมชาติ

        ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้คนจำนวนมากนำสารอาหารที่ประกอบอยู่ในใบชาที่มีสรรพคุณเทียบเท่า "สารัตถประโยชขน์ที่ 3" เหตุเพราะนอกจากใบชาประกอบด้วยสารอาหาร เช่น โปรตีน น้ำตาล ไขมัน วิตามิน สารสี เพคทิน แร่ธาตุ เป็นต้น ยังประกอบด้วยสารสรรพคุณ เช่น ทีโพลิฟีนอล ทีโพลิแซคคาไรด์ คาเฟอีน ธีอะมิน เป็นต้น แต่สารอาหารและสารสรรพคุณเหล่านี้ล้วนถือเป็นสรรพคุณขั้นพื้นฐานของใบชาทั่วไป ยังห่างไกลพอสมควรกับ "สารัตถประโยชน์ที่ 3" ที่เราได้กล่าวอ้างถึง

        เป็นที่เชื่อกันมาอย่างยาวนานแล้วว่า ชาที่มีทีโพลิฟีนอลส์ปริมาณสูงถือเป็นชาที่มีคุณภาพดี ชาผูเอ๋อร์ไม่ว่าชาดิบเก่าหรือชาสุกซึ่งมีปริมาณทีโพลิฟีนอลส์น้อยกว่าชาเขียวและชาอูหลง นั่นแสดงว่าคุณภาพของชาผูเอ๋อร์ไม่สามารเทียบเท่ากับชาเขียวและชาอูหลงได้ นี่ก็เป็นการเข้าใจที่ผิดเช่นกัน เพราะทีโพลิฟีนอลส์ถือเป็นสารประกอบพื้นฐานที่ประกอบอยู่ในใบชาทุกประเภท และไม่ใช่เป็นตัวชี้วัดคุณภาพใบชาโดยมาตรฐานเดียว มีผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าทีโพลิฟีนอลส์เป็นสาร "ขั้นเทพ" กล่าวกันว่ามันไม่เฉพาะสามารถขจัดสารอนุมูลอิสระแล้ว ยังสามารถรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ ป้องกันการอุดต้นของเส้นเลือดหัวใจ ต่อต้านโรคมะเร็ง เป็นต้น นี้เป็นเพราะผลงานวิจัยเรื่องทีโพลิฟีนอลส์ในชาเขียวเมื่อทตวรรษที่ 80 มาถึงทศวรรษที่ 90 ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะยกทีโพลิฟีนอลส์มีสรรพคุณเป็น "ยาหม้อ" ที่สามารถรักษาสารพัดโรคได้ เท่ากับเป็นการผูกมัดชาเขียวแล้วประโคมข่าวว่า ชาเขียวมีสรรพคุณในการป้องกันและรักษาหลายสิบโรคได้ แต่คำกล่าวเหล่านี้ภายหลังถูกองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่นานาชาติ---ไม่รับรอง อย่างเช่น FDA(Food and Drug Administration) ของสหรัฐอเมริกาได้มีการประกาศบนเว็บไซด์หน้าแรกเมื่อวันที่ 9 พ.ค. 2006 ว่า "FDA ได้ข้อสรุปยืนยันได้ว่าไม่มีหลักฐานอันน่าเชื่อถือเพื่อสนับสนุนว่าชาเขียวหรือสารที่สกัดจากชาเขียวสามารถลดความเสี่ยงการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจได้" และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการประเมิน 105 บทความแล้ว ยังไม่พบหลักฐานที่สนับสนุนการดื่มชาเขียวสามารถลดการเกิดโรคหัวใจได้เช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ FDA ได้เคยประกาศแล้วว่า ชาเขียวไม่น่าจะมีความสามารถที่จะลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก หรือมะเร็งชนิดอื่นๆได้ ซึ่งก็คือเป็นการปฏิเสธว่าชาเขียวสามารถต่อต้านโรคมะเร็งได้

        มีข้อเท็จจริงหนึ่งที่พวกเราควรจะต้องเข้าใจคือ เมื่อหลังจากสารทีโพลิฟีนอลส์เข้าสู่ร่างกาย โดยเฉพาะเข้าสู่ที่ลำใส้แล้ว จะมีผลกระทบต่อจุลินทรีย์ประจำพื้นที่และระบบเมตาโบลิซึมของร่างกาย แม้ว่าทุกวันนี้ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน ปัจจุบันทางนานาชาติได้จัดทีโพลิฟีนอลส์เป้นเพียงสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสารปรุงแต่งอาหาร ไม่ถือเป้นสารอาหารเข้มข้นสูง และไม่ถือเป็นวัตถุดิยยาในสารบัญยา คุณค่าของทีโพลิฟีนอลส์คือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ แต่สิ่งที่เป็นคุณค่ามากกว่าคือสารอนุพันธ์ที่เกิดจากหมัก พูดอีกนัยหนึ่ง ทีโพลิฟีนอลส์จะต้องผ่านกระบวนการภายใต้เงื่อนไขที่มีจุลินทรีย์และเอนไซม์ชนิดต่างๆมีส่วนร่วมแปรเปลี่ยนเป็นสารอนุพันธ์ที่มีคุณค่าทางยา จึงมีศักยภาพที่เป็น "สารัตถประโยขชน์ที่ 3"

        เพราะฉะนั้น การแปรเปลี่ยนทางชีวภาพโดยจุลินทรีย์ของสารที่มีคุณสมบัติทางยาจากพืชตามธรรมชาติ คือแก่นแท้ที่ดำรงไว้ซึ่ง "สารัตถประโยชน์ที่ 3" ของชาผูเอ๋อร์ ถ้าหากปราศจาก "การแปรเปลี่ยนทางชีวภาพ" หรือ "การแปรเปลี่ยนทางชีวภาพ" ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่สมบูรณ์แล้ว คำกล่าว "สารัตถประโยชน์ที่ 3" ก็แค่เป็นแนวคิดที่ปั่นขึ้นมา หรือเป็นการ "จับจันทร์ใต้น้ำ" ไม่มีความหมายแท้จริงใดๆ...

........ยังมีต่อ........


(แปล-เรียบเรียง-ย่อ จากบทความ 4 คุณค่าของชาผูเอ๋อร์ --- คุณค่าที่ 4 : คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา...เขียนโดย เฉินเจี๋ย)

โพสต์นี้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2558 ลงในเฟสเพจสมาคมผู้รักชาผูเอ่อร์แห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/groups/1465523990337272/

คุณค่าทางพัฒนาการ (7)
คุณค่าขององค์ประกอบที่มีสรรพคุณและกลไกทางยา (2)