วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กระทำการพิสูจน์ที่ล่าช้า (1)

กระทำการพิสูจน์ที่ล่าช้า (1)
一次迟到的论证 (一)



        ตอนเช้าของวันที่ 12 ตุลาคม 1992

        รถจี๊ปเก่าปะผุหลายคันบรรทุกผู้โดยสารสิบกว่าคนค่อยๆขับเคลื่อนไปตามทางที่ขรุขระบนภูเขา เส้นทางทำให้เกิดการส่ายโคลงเคลงเล็กน้อย สองข้างทางเป็นป่าทึบ มีคนเปิดหน้าต่างรถ กลิ่นของความเปียกชื้นอย่างเข้มข้นมาเตะจมูก ยังมีกลิ่นเลื่อนๆที่คล้ายกับกลิ่นหวานชื้นที่บูดเน่าของใบดอกและผลไม้

        บนรถมีศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยหลายท่าน มีนักศึกษาวิจัยจากสถาบันด้านชาหลายท่าน ยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านใบชาของท้องที่และเจ้าหน้าที่ประจำท้องถิ่นบางส่วนนั่งอยู่ จุดหมายปลายทางของพวกเขาคือหมู่บ้านปังหวาย(邦崴)ตำบลฟู่ตง(富东)อำเภอหลานชาง(澜沧)มณฑลหยินหนาน พูดให้ตรงเป้า ก็คือต้นชาโบราณต้นหนึ่งในหมู่บ้านปังหวาย

        นี่ไม่ใช่ต้นชาโบราณแบบทั่วไป มันเจริญเติบโตบนพื้นที่ไร่ที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1900 ม. ถือเป็นต้นชาแบบต้นไม้ใหญ่ ลักษณะลำต้นของมันตั้งตรง แผ่กิ่งก้านอย่างหนาแน่น ความสูงต้น 12 ม. เรือนยอดที่กว้างที่สุดถึง 7.8 ม. มันห่างจากผิวพื้นดิน 40 ซม. เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 156 ซม. ยังมีรากแขนงโผล่ออกมาจากผิวดิน มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 24 ซม. ต้นชาบนชั้นผิวดินสามารถที่จะเห็นกลุ่มรากอย่างหนาแน่น จากการคำนวณโดยทางวิทยาศาสตร์ อายุปีต้นของมันอยู่ที่ 1000 ปีขึ้นไป

        นักข่าวท่านหนึ่งที่ติดตามไปถึงกับร้องอุทานออกมา : คิดไม่ถึงจะมีต้นชาสูงขนาดนี้ได้ ! เนื่องจากประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ต้นชาที่ฉายอยู่บนสายตาของเขาเกือบทั้งหมดล้วนสูงประมาณ 1 ม. ส่วนต้นชาไม้ใหญ่ที่เสมือนกับไม้โบราณที่ยื่นขึ้นไปท้องฟ้า ถือเป็นการพบเห็นครั้งแรกในชั่วชีวิตของเขา

        มีความรู้สึกแปลกใจเช่นกันที่เจ้าของต้นชาไม้ใหญ่ต้นนี้ ผู้มีนามว่าเว่ยจ้วงเหอ(魏壮和) ซึ่งเป็นคนใบ้ ในวันนั้น เขาและภรรยานามว่าจ้าวหยินหวา(赵云花)ก็ได้ถูกผู้ใหญ่บ้านเรียกไปที่ข้างต้นชาอีกครั้ง คุณเว่ยจ้วงเหอได้พบเห็นคนที่คุ้นเคยหลายคนในท่ามกลางสิบกว่าคนกลุ่มนี้ คนที่คุ้นเคยเหล่านี้แม้ว่าไม่สามารถเอ่ยนามออกมา แต่เขารู้ว่าพวกเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเขตพื้นที่ซือเหมา(思茅: ปัจจุบันคือเมืองผูเอ๋อร์(普洱)มณฑลหยินหนาน) เจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้เริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. 1991 ก่อนหน้านี้ได้ไปหาเขาหลายครั้งเพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์ของต้นชาไม้ใหญ่ต้นนี้ ไม่ว่าจะมาทำการวัด ไม่ว่าจะมาเด็ดเก็บดอก ผล ใบ เพื่อดำเนินการศึกษาวิจัย

        ดั้งเดิม ถ้ากหากไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐเหล่านี้ปรากฏตัว คุณเว่ยจ้วงเหอได้ตัดสินใจหลังการเด็ดเก็บใบชาฤดูใบไม้ผลิปี 1991 นี้แล้วก็จะทำการโค่นต้นชาไม้ใหญ่ต้นนี้ทิ้ง เป็นเพราะว่าต้นชาต้นนี้ต้นใหญ่จนบังแดด บริเวณล้อมรอบต้นไม้ไม่สามารถเพาะปลูกธัญพืชได้ และก็ต้นชาในปีหนึ่งสามารถเด็ดเก็บใบชาได้เพียงสิบกว่าชั่ง ในยุคสมัยนั้น ชนบทในเมืองจีนยังล้าหลังมาก ผู้คนยังมีความทรงจำฝังใจมิรู้ลืมต่อภาพแห่งความหิวโหย จึงให้ความสำคัญต่อธัญพืชมากกว่าใบชา

        ผลสุดท้ายต้นชาไม้ใหญ่ต้นนี้ยังคงเก็บรักษาไว้ได้ คุณเว่ยจ้วงเหอก็ได้รับเงินอุดหนุนจากหมู่บ้านและเขตซือเหมา แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่รัฐจากในเมืองเหล่านี้ถึงสนอกสนใจต่อต้นชาไม้ใหญ่ต้นนี้ของบ้านเขาเป็นอย่างมาก? ในสายตาของคุณเว่ยจ้วงเหอ ต้นชาไม้ใหญ่ต้นนี้ของบ้านเขายังไม่ใช่ต้นที่ใหญ่ที่สุด เขารู้ว่ายังมีต้นชาไม้ใหญ่ในบางพื้นที่ยังใหญ่กว่าต้นชาต้นนี้ของบ้านเขา แล้วทำไมผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ถึงได้หลงใหลรักใคร่ต้นชาไม้ใหญ่ต้นนี้ของบ้านเขาได้ถึงขนาดนี้?

        อันที่จริง ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มนี้ที่อยู่แวดล้อมต้นชาโบราณปังหวายไม่ใช่เพื่อค้นหาต้นชาที่ใหญ่ที่สุด และก็ไม่ใช่เพื่อค้นหาต้นชาที่มีอายุปียืนยาวที่สุด เหตุที่พวกเขาให้ความสนใจต่อต้นชาไม้ใหญ่ปังหวายต้นนี้ เหตุผลมีเพียงหนึ่งเดียว : มันคือต้นชาโบราณแบบเปลี่ยนผ่านต้นแรกที่ถูกค้นพบในหยินหนานหรือในเมืองจีนกระทั่งในโลกนี้ตราบเท่าถึงทุกวันนี้

        จุดสำคัญของมันอยู่ที่ “แบบเปลี่ยนผ่าน

        “แบบเปลี่ยนผ่าน” อาจมีผู้คนจำนวนน้อยที่จะเข้าใจ มันไม่ใช่สายพันธุ์ชนิดหนึ่งของต้นชาและใบชา และไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆต่อคุณภาพที่จะดีหรือเลวของใบชา ผู้เชี่ยวชาญด้านชาให้ความสนใจต่อมันไม่ใช่เพราะมันเพียบพร้อมด้วยคุณค่าทางธุรกิจใดๆ(อย่างน้อยเบื้องต้นคือความคิดแบบนี้) แต่คือการนำมันไปวางไว้บนประวัติวิวัฒนาการของใบชาเพื่อสืบค้นหาความจริง เพื่อแก้ปัญหาการโต้แย้งครั้งใหญ่ที่ได้ดำเนินมาเป็นร้อยปีแล้วในวงการวิชาการชาของโลก :

        แหล่งต้นกำเนิดต้นชาของโลกอยู่ที่เมืองจีน ? หรืออยู่ที่อินเดีย ?

        นี่คือเหตุการณ์ตอนหนึ่งของ “คดีดำ”(公案) ที่โด่งดังที่สุดในประวัติวิวัฒนาการใบชาของโลก

........ยังมีต่อ........


แปล-เรียบเรียง จากบทความ《กระทำการพิสูจน์ที่ล่าช้า》ตอนที่ 1---เขียนโดย เฉินเจี๋ย