วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ความเหมือนในความต่างของการดื่มชาและการดื่มเหล้า



        บนโลกที่เจริญพัฒนาและสับสนวุ่นวาย ในเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยอุปสรรคขวากหนามมากมาย ในยุคสมัยของวัตถุนิยม เราจะดำรงตนอย่างไรให้เป็นตัวของตนเอง? หลังจากผ่านประสบการณ์ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและความทุกข์ยาก อันที่จริงสามารถอธิบายประกอบด้วยคำกล่าวที่ว่า : “สรรพสิ่งรุมเร้าแค่เหล้าสามจอก/万丈红尘三杯酒 ธุรกิจรุ่งเรืองเพียงชาหนึ่งกา/千秋大业一壶茶

        ▌ทำไมคนถึงดื่มชา?

        ชีวิตคนเราเปรียบเสมือน “การดื่มชา” มีหวานกาน มีขมฝาด ทุกสิ่งล้วนต้องให้รสชาติค่อยๆย้อนกลับ จึงจะสามารถลิ้มแก่นสารที่แท้จริงของมันออกมาได้

        อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมเฉกเช่นอารมณ์ที่เหมาะเจาะ ชาที่ชงออกมาจึงจะได้ดี กลิ่นชาหอมใสบางเบาจะระเหยออกมา (การดมกลิ่น) ดื่มแล้วจะรู้สึกมีรสหลงเหลือค้างอยู่ที่โพรงปาก (การชิมกลิ่น) ก็เหมือนการกระทำการใดๆด้วยอารมณ์ดีแล้ว ก็จะประสบแต่ความสำเร็จ

        ถ้าหากชีวิตครึ่งแรกของคนเราจะลำบากยากเข็ญ ก็เหมือนชาบางชนิดที่เริ่มต้นแฝงด้วยรสขมฝาดเล็กน้อย ถึงวัยกลางคนก็จะขมสิ้นหวานตาม จนถึงวัยชราทุกสิ่งล้วนเรียบง่าย ล่มเหลวก็ได้ สำเร็จก็ดี ใครก็หนีไม่พ้นไปสู่สุคติ

        ชาที่ดีที่สุดไม่เคยปรากฏบนโลกนี้ มีเพียงชาที่เหมาะสมที่สุด ขอเพียงได้พานพบคนที่ถูกชะตา จึงสามารถปลดปล่อยรสชาติแห่งชีวิต ไม่ว่าเป็นผู้สูงศักดิ์หรือเป็นคนต่ำต้อย ปล่อยวางให้เป็นไปตามธรรมชาติหรือดันทุรัง เนื่องจากชาไม่เป็นเพราะความชื่นชอบของคนชาแล้วเปลี่ยนแปลงเอกลักษณ์เฉพาะตน ชีวิตมีขึ้นๆลงๆ มีเปรี้ยวหวานขมเผ็ด มีประสบความสำเร็จ และก็มีเผชิญความล่มเหลว มีรอยยิ้ม และก็มีน้ำตา ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ใช้สติปัญญาดีผจัญหน้า และจงเป็นตัวของตัวเอง

       ในทุกขั้นตอนของชีวิต จะมีความเข้าใจเข้าถึงชาแตกต่างกัน เป็นสภาวะจิตใจในภาวะหนึ่งๆ ช่วงวัยรุ่นจะป่าวร้องอย่างไร้เหตุผล พอถึงวัยกลางคนจิตใจจะถูกหล่อหลอมขัดเกลาทำให้บริสุทธิ์ จนถึงวัยชรา จิตใจมุ่งมั่นมีสมาธิ ตกตะกอนทางความคิดอย่างลึกซึ้ง

        ▌ทำไมคนถึงดื่มเหล้า?

        มีคอเหล้าบางคนชอบเสแสร้งว่า ไม่ใช่เป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มเหล้า แต่ชื่นชอบความรู้สึก ณ โมเมนต์การดื่มเหล้า การดื่มเหล้าเป็นการระบายปลดปล่อยอารมณ์ การดื่มเหล้าเมาก็เพื่อให้ทั้งกายและใจที่อ่อนล้าได้ผ่อนคลายและรู้สึกสบาย

        อาจเป็นเพราะการติดต่อสื่อสารระหว่างกันต้องรู้จักกาลเทศะ ต้องมีคำพูดมากมายที่ไม่สามารถพูดต่อหน้าได้ ต้องมีบางคำพูดที่ไม่สามารถพูดในยามที่มีสติสัมปชัญญะ ก็มีเพียงในช่วงเวลาที่ต่างคนต่างมีความรู้สึกตัวที่เลอะเลือน จึงสามารถพูดออกจากปากได้ ก็มีเพียงในยามที่ตนเองดื่มเหล้าเมาแล้วจึงพูดถึงข้อบกพล่องของฝ่ายตรงข้าม ก็มีเพียงที่ต่างคนต่างดื่มเมาแล้วจึงไม่ถือสาคำพูดของฝ่ายตรงข้าม

        มีคนกล่าวว่าคนที่ดื่มเหล้าไม่เป็นจะเข้าไม่ถึงอารมณ์อันสุนทรีย์ นั่นเป็นความรู้สึกที่สัมผัสได้จากการนำแต่ละหยดของความในใจหยดลงในจอกเหล้า เมื่อเมาแล้วความทุกข์ร้อนใจใดๆล้วนอัตรธานไป

        วงเหล้าก็เหมือนเวทีละครที่เพิ่มคุณค่าชีวิต บางคนดื่มเมาแล้วแต่บอกว่าตนเองยังไม่มาว นั่นเพื่อจะพิสูจน์ว่าตนเองยังสามารถดื่มได้อีก บางคนทั้งๆที่ยังไม่เมา แต่บอกว่าตนเองดื่มเมาแล้ว เนื่องจากพวกเขาไม่คิดที่จะดื่มต่อไป

         การขึ้นๆลงๆของชีวิต เปรียบเสมือนกับ “การดื่มเหล้า” ดื่มเหล้าจอกแรกอย่างโอหังทะนงตัวคือวัยรุ่น จอกที่สองเริ่มรู้สึกเมา ดูเหมือนเมาแต่ไม่เมานั่นคือวัยกลางคน ดื่มถึงจอกที่สามจึงเมา ข้ามวันตื่นมายังเมาค้างแล้วรู้สึกเสียใจคือวัยชรา

        เรื่องสับสนวุ่นวายต่างๆนานาในสังคมโลก ผ่านพ้นไปได้จากการพูดคุยบนเหล้าสามจอก กิจการใดๆบนโลกนี้ที่คิดการใหญ่โต เพียงใช้เวลาไปกับชาหนึ่งกาในยามบ่าย
        ชากานี้ควรดื่มกับใคร เหล้าจอกนี้ควรให้ใครดื่ม นั่นเป็นสิ่งที่คุณรู้อยู่แก่ใจ 


เอกสารอ้างอิง :
1. 人为什么要喝茶 , 为什么要喝酒https://kknews.cc/food/gz8o6ny.html