วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ทำไมชายิ่งดียิ่งจาง?

 


        นี้เป็นความเข้าใจผิดที่น่าสนใจและพบเห็นบ่อย ผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะเพื่อนๆที่เพิ่งเริ่มสัมผัสชา มักมีการสมมุติล่วงหน้าว่า : ของที่ราคาแพง คุณภาพดี จะต้องมีรสชาติที่เข้มข้น หนาหนัก

        แต่ทว่าชากลับตาลปัตร ชาดีชั้นเยี่นมโดยทั่วไปจะสร้างความประทับใจครั้งแรกแก่ผู้คนก็คือ “จาง”

        “จาง/淡” ในที่นี้ สิ่งที่บ่งชี้ถึงมิใช่ความเข้มจาง แต่บ่งบอกถึง “จาง” ที่ปรากฏออกมาจากชาที่ไม่มีรสชาติใดเด่นชัด ก็คือเมื่อดื่มชาเข้าปากยากที่จะบอกว่ามีรสขม, ฝาด, หวาน เป็นต้น โดยทั่วไปมันจะปรากฏรสชาติกลมกล่อม ที่ทำให้มีความรู้สึกทางปากที่กลมกลืนมีดุลยภาพ

        ซึ่งเบื้องหลังของ “จาง” ลักษณะนี้ คือการรับรู้สึกถึง “จางแต่ไม่บาง หนานุ่มยาวนาน” ที่นำพามาจากสารองค์ประกอบชั้นดีและเต็มเปี่ยม


   1) หลักการสำคัญ : รสชาติที่กลมกลืนและสมดุล


     • จินตนาการถึงการทำกลับข้าว :


        - กับข้าวทั่วๆไปจานหนึ่งอาจต้องอาศัษการใส่เกลือและผงชูรสอย่างมากเพื่อให้ได้มาซึ่งรสชาติ “เค็ม, อูมามิ” เป็นรสชาติตรงไปตรงมา มีฤทธิ์แรงกระตุ้น แต่ทานมากแล้วทำให้รู้สึกเลี่ยน

        - น้ำซุปชั้นเยี่ยมชามหนึ่ง ใช้ส่วนประกอบอาหารชั้นเลิศในอัตราส่วนทองคำ (Golden Ratio) ผ่านการต้มตุ่นอย่างประณีตและยาวนาน รสชาติจะอร่อย, กลมกล่อม, มีความเป็นลำดับขั้น แต่รสเค็มในตัวมันเองจะไม่โดดเด่น


     • ชาก็มีหลักการทำนองเดียวกัน :


        - ชาทั่วไป (รสชาติ“เข้มแรง”แต่อาจ“บางอ่อน”) : โดยมีทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีนประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งสารสองชนิดนี้หลักใหญ่รับผิดชอบต่อ “รสขมฝาด

           ทันทีที่ดื่มน้ำชาเข้าปาก ความรู้สึกขมฝาดที่แรงจะยึดครองโพรงปากของคุณอย่างรวดเร็ว ทำให้คุณรู้สึก “มีรสชาติ” (รสหนักเข้มแบบที่ “ชาคอ” ชอบ) แต่รสชาติลักษณะนี้ขาดซึ่งความเป็นลำดับขั้น และก็ไม่เกิดการสลาย เมื่อดื่มเสร็จแล้ว โพรงปากจะรู้สึกแห้ง (ความรู้สึดฝาดยังคงค้างอยู่) นี้ก็คือ “บาง/


        - ชาดีเยี่ยม (รสชาติ“จางใส”แต่“หนานุ่ม”) : โดยมีสารองค์ประกอบอย่างเต็มเปี่ยมและมีความกลมกลืนอย่างสมดุล

          นอกจากทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีนแล้ว ยังประกอบด้วยธีอะนีน, น้ำตาลที่สามารถละลายได้ในน้ำและเพคทิน เป็นต้นในสัดส่วนที่สูง ซึ่งเป็นสารที่นำพาความรู้สึก “อูมามิ, หวาน, หนืด


        - ธีอะนีน (Theanine) : เป็นแหล่งกำเนิดที่สำคัญของรสหวานฉ่ำสดชื่น สามารถผ่อนคลายความรู้สึกรสขมฝาดได้ 


        - การเกิดความกลมกลืน : เมื่อปริมาณที่เป็นองค์ประกอบของธีอะนีนที่ให้รสหวานอูมามิมีมากเกินพอ มันมีผลในการ “ปรับสมดุล/中和” รสขมฝาด และ “ห่อหุ้ม/包裹” ฤทธิ์แรงกระตุ้น ซึ่งนำพามาโดยทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีน

          ความรู้สึกแรกจากการดื่มชา ไม่ใช่รสขมเพียงหนึ่งเดียว แต่เป็นหลากหลายรสชาติที่เต็มเปี่ยม, นุ่มนวล, หวานชุ่ม ที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง

          ความรู้สึกเต็มเปี่ยมที่สลับซับซ้อน จะต้องทำการชิมลิ้มรสอย่างละเมียดละไม กล่าวสำหรับตุ่มรับรสที่คุ้นเคยกับการถูกฤทธิ์แรงกระตุ้น การรับรู้สึกแรกจึงคล้ายกับ “จาง” 


▲รสชาติของใบชา : ฝาด, อูมามิ, ขม, หวาน, หนืด


   2) ความเร็วในการละลายที่แตกต่างกันของสารองค์ประกอบ


        - สารรสขมฝาดละลายได้เร็ว : ความเร็วในการละลายของทีโพลิฟีนอลส์และคาเฟอีนจะเร็วมาก ทันทีที่ชงด้วยน้ำร้อน จะละลายออกมาอยู่ในน้ำชาอย่างรวดเร็ว


        - สารหวานอูมามิละลายได้ช้า : ความเร็วในการละลายของธีอะนีน, พอลิแซ็คคาไรด์ เป็นต้นจะค่อนข้างช้าโดยเทียบเคียง


     • นี้จึงนำไปสู่ :


        - การชงชาทั่วไป : การชงสองสามน้ำแรก สารรสขมฝาดจะทะลักออกมาเป็นจำนวนมาก ส่วนสารรสหวานอูมามิยังไม่ทันที่ปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น รสชาติน้ำชาจะเข้มข้นแต่หยาบกร้าน


        - การชงชาดีเยี่ยม : เนื่องจากโครงสร้างของสารองค์ประกอบที่อัดแน่น จึงต้องใช้เวลาที่มากกว่าและอุณภูมิที่ร้อนกว่ามาทำการปลดปล่อย

          ถ้าหากการชงได้เหมาะเจาะ (อย่างเช่นอุณหภูมิน้ำไม่ร้อนเกินไป, รินน้ำชาออกเร็ว) สารรสขมฝาดและสารรสหวานอูมามิจะปลดปล่อยออกมาในความเร็วที่มีดุลยภาพมากกว่า น้ำชาที่ชงออกมาทุกจอกล้วนมีความเต็มเปี่ยมที่มีดุลยภาพ

          ถ้าหากการชงด้วยวิธีโดยแช่ทิ้งอบไว้นาน ชาดีก็จะเปลี่ยนเป็นรสขมฝาดได้เช่นกัน 


▲มีอะไรอยู่ในชาหนึ่งจอก


   3) เนื้อแท้ของ“จาง”คือ“ความเต็มเปี่ยม”และ“ความรู้สึกมีระดับ”


        “จาง” ของชาดี ถือเป็นความเข้าใจผิดรูปแบบหนึ่ง ตัวตนที่แท้จริงของมันก็คือ “ความหนา/厚度” และ “ความดื่มด่ำ/


        - น้ำชาที่ให้ความรู้สึกหนาแน่น : ดื่มน้ำชาชั้นเยี่ยมเข้าปาก คุณสามารถรู้สึกถึงมันมิใช่น้ำบางเบา แต่มีความรู้สึกของน้ำหนักและความรู้สึกเหมือนวุ้น คล้ายกับการดื่มน้ำข้าวต้มที่เข้มข้น น้ำชาดั่ง “การจับกลุ่ม/抱团” จะไหลลื่นลงลำคออย่างราบรื่น


        - หุยกานเซิงจินอย่างฉับพลันและอยู่คงค้างนาน : ชาดีหลังดื่มลงคอแล้ว ความรู้สึกฝาดในโพรงปากจะสลายอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นกานหวานปรากฏออกมาอย่างไม่ขาดสาย (หุยกาน); และก็น้ำลายสอตามใต้ลิ้นและกระพุ้งแก้มสองข้าง (เซิงจิน) เป็นความรู้สึกที่เลอเลิศที่เกิดจากภายในสู่ภายนอก จะดีเลิศและอยู่คงค้างนานกว่าความรู้สึกจากฤทธิ์แรงกระตุ้นตุ่มรับรสช่วงดื่มน้ำชาเข้าปาก


        - กลิ่นหอมที่ซ่อนอยู่ในน้ำชา : กลิ่นหอมของชาดีมิใช่ฟุ้งแพร่กระจายในอากาศ แต่จะหลอมเข้าไปอยู่ในน้ำชา สามารถรับรู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมที่ลอยจากลำคอขึ้นไปยังโพรงจมูก ที่เรียกขานกันว่า “กลิ่นอยู่คงค้างก้นจอก


        - รสดื่มด่ำที่อยู่คงค้างยาวนาน : เมื่อดื่มน้ำชาดีหมดหนึ่งจอก ทั่วทั้งโพรงปากตลอดจนถึงลำคอล้วนรู้สึกเย็นชื่น ชุ่มฉ่ำ เบิกบาน การรับรู้สึกลักษณะนี้เป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน นี่ก็คือสิ่งที่กล่าวขานเป็น “ความดื่มด่ำลำคอ/喉韵” 


ความดื่มด่ำลำคอ/喉韵


     • การเปรียบเทียบโดยนัย :


        - ชาทั่วไป : เหมือนกันคนเสียงดัง เมื่อเจอหน้ากันก็จะพูดตะเบ็งตะโกน เสียงดังมาก แต่เนื้อหาว่างเปล่า ฟังนานแล้วจะรู้สึกน่าเบื่อ


        - ชาดีเยี่ยม : เหมือนนักปราชญ์ผู้รอบรู้ การพูดจาสุภาพอ่อนโยน เสียงไม่ดัง แต่คำพูดทุกคำล้วนมีน้ำหนักและเนื้อหาสาระ คุ้มค่าที่ดื่มชิมลิ้มรสอย่างละเมียดละไม แล้วจะประทับใจมิรู้ลืม


   บทสรุป


        เพราะฉะนั้น “ชาดีรสชาติจาง”เป็นความเข้าใจผิดทางรสชาติแบบคลาสสิก ที่แท้มันมิใช่รสชาติที่ิจืดชืด แต่เป็นเพราะสารองค์ประกอบเต็มเปี่ยมที่กลมกลืนมีดุลยภาพอย่างสูง ทำให้รสขมฝาดที่มีฤทธิ์แรงกระตุ้นแปรเปลี่ยนเป็นรสชาติผสมผสานที่หนานุ่ม ชุ่มชื่น เพียบพร้อมด้วยความเป็นลำดับขั้น


        - “จาง” ของชาดี คือการสนทนาไร้เสียงระหว่างต้นชากับกาลเวลา เป็นภูมิปัญญาของคนทำชาที่ภูมิใจเสนอ มันไม่ทำให้เป็นที่ชื่นชอบโดยฤทธิ์แรงกระตุ้นต่อตุ่มรับรส แต่จะพิชิตจิตวิญญาณโดยอาฟเตอร์เทส


        - “จาง” ของชาดี คือหลังจากดื่มน้ำชาเข้าปากแล้ว รสหวานอูมามิจะค่อยๆแผ่ออกเป็นชั้นๆ ความดื่มด่ำลำคอที่เย็นชื่นนุ่มนวล น้ำลายสอที่ใต้ลิ้น “ความรู้สึกมีระดับ/高级感” ลักษณะนี้ต้องอยู่ในภาวะสงบสติอารมณ์พื่อมาดักจับ ความเป็นจริงก็คือภาษาลับของกาลเวลากับ Terroir


   การดื่มชา โปรดสโลว์ไลฟ์

       ① ปล่อยวางการรอคอย “รสหนักเข้ม/重口味” : อย่าใช้ “เนื้อสัมผัส/杀口”, “ล็อกคอ/锁喉” มาเป็นตัวตัดสิน

       ② ใช้ปลายลิ้นทำการ“อ่าน”ชา : รับรู้ความรู้สึกอุ้มชู, ความละเอียดอ่อน, ความเร็วและการอยู่คงค้างสั้นยาวของหุยกานเซิงจิน 


▲【ความจริงที่ไร้ความปรานีที่สุด】 
  เมื่อคุณพูดขึ้นว่า : “ชานี้จางมาก”, ซึ่งอาจไม่ใช่ชาเป็นตัวปัญหา---
  เป็นเพราะตุ่มรับรสของคุณถูกชาปรุงแต่งกลิ่นรสตามใจจนเสียคน
  ก็เหมือนคนที่ชอบทานรสจัด จะลิ้มรสสดอร่อยของปลาซ่งฮื้อนี่งไม่ออก


เอกสารอ้างอิง :

1. 为什么越好的茶滋味越淡?http://xhslink.com/o/4JQirjyzx3b

2. 越贵的茶越淡?http://xhslink.com/o/2XkxNKpo6Wl

3. 浓非厚,淡非薄! “淡中见真味”http://xhslink.com/o/6ukr0hQUIUk

อะไรคือชาผูเอ่อร์ที่ดี?

 


        “อะไรคือชาผูเอ่อร์ที่ดี?” นี้เป็นคำถามที่เป็นแก่นสารที่สุดและก็ไม่มีคำตอบที่เป็นมาตรฐานที่สุดในโลกของชาผูเอ่อร์

        มันเสมือนกับการทำสงครามที่เหี้ยมโหด แต่ละ “สำนัก” ที่มีกรอบความคิดในการชิมลิ้มรสไม่เหมือนกันต่างก็ยึดตามคำของตนเอง ก่อเกิดชาผูเอ่อร์มีความหลากหลายเต็มพิกัด กระทั่งระบบสุนทรียภาพถูกแบ่งแยก


        การทำความเข้าใจสมรภูมิ “การแย่งชิงมาตรฐานของการชิมดื่ม” พวกเราสามารถสรุปผลออกมาเป็น 4 สำนักใหญ่ :


   1) สำนักความรู้สึกดื่มด่ำทางประสาทสัมผัส (The Sensorialists)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? กลิ่นหอมฟุ้งของใบชาแห้ง น้ำชาลื่นไหลหนานุ่ม ความขมฝาดมลายอย่างเร็วแล้วแปรเป็นกานหวาน (หุยกาน); น้ำลายสอเต็มปาก (เซิงจิน); กลิ่นหอมอยู่คงค้างลำคออย่างยาวนาน 

        ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นดอกไม้ที่สดชื่นของชาใหม่ หรือกลิ่นเก่ากลิ่นยาจีนของชาเก่า ล้วนนำพามาซึ่งความรู้สึกที่เบิกบานใจ

   

        ทันศนคติของพวกเค้า : “ชาเพื่อนำมาทำการดื่ม การดื่มดีเป็นอันดับแรก” พวกเค้าจะไม่ค่อยให้ความสนใจกับจินตนาการของ “ฉาชี่” หรืออนาคตที่ห่างไกล จะให้น้ำหนักกับความดื่มด่ำที่นำพามาโดยตุ่มรับรสที่รู้สึกได้โดยทันทีจากชาที่ชงดื่มในแต่ละจอก

        ชาตัวหนึ่งแม้จะมีศักยภาพทางพัฒนาการได้ดีในอนาคต แต่ถ้าเป็นชาใหม่มีรสขมฝาดที่ดื่มยาก ณ ขณะนี้แล้วไซร์ ในมุมมองของพวกเค้าก็ไม่ถือเป็น “ชาดี


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : เพื่อนใหม่ชาผูเอ่อร์ส่วนใหญ่ คอชาผู้หญิง และผู้บริโภคที่แสวงหาประสบการณ์ในการชิมดื่มอย่างทันทีทันใด


หุยกาน-เซิงจิน/回甘-生津


   2) สำนักความรู้สึกดื่มด่ำฉาชี่ทางร่างกายและจิตใจ (The Somatics)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? ไม่เพียงแค่ในโพรงปาก แต่จะมีการตอบสนองที่พ้องกันตามส่วนลึกของร่างกาย

        หลังการดื่มน้ำชาลงคอแล้ว จะรับรู้สึกถึงพลังงานไออุ่นที่ไหลเวียน (ฉาชี่) อันนำไปสู่การออกเหงื่อเล็กน้อยตรงด้านหลังหรือหน้าผากหรือไม่? เกิดอาการสะอึก รับรู้สึกถึงลมปราณไหลคล่องหรือไม่? ความดื่มด่ำลำคอคงค้างอยู่ได้นาน ในลำคอรู้สึกเย็นชื่นหรือหวานฉ่ำหรือไม่?

        พวกเค้าเชื่อว่านี้เป็นปรากฏการณ์จากสารองค์ประกอบในใบชาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม เป็นภาวะขอบเขตที่เหนือชั้นของชาผูเอ่อร์ที่แตกต่างจากชาชนิดอื่นๆ


        ทันศนคติของพวกเค้า : “ชาดีจะสนทนากับร่างกายคุณได้” ความรู้สึกในปาก (Mouthfeel) สามารถทำเลียนแบบขึ้นมาได้ แต่ความรู้สึกทางกาย (Feeling) ที่ลึกล้ำไม่สามารถทำเทียมขึ้นมาได้

        ชาตัวหนึ่งอาจมีกลิ่นหอมไม่แผ่ซ่าน รสชาติเรียบจาง* แต่สามารถนำพาให้ร่างกายตอบสนองออกทางสุขสมกายใจอย่างแรงกล้า นั้นเป็นการรับรู้สึกที่สุดยอด


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : คอชาอาวุโสผู้มีประสบการณ์สูง ให้ความสำคัญต่อชาที่ฝึกฝนและปลูกฝังตนเอง


▲“ฉาชี่/茶气” จากชา เปรียบเสมือน “พลังงาน/能量” จากอาหาร


   3) สำนักประมาณการศักยภาพในอนาคต (The Futurists)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? พวกเค้าราวกับผู้ชำนาญการในการเห็นคุณค่าของวัตถุโบราณหรือเหล้าเก่า เมื่อทำการชิมดื่มชาใหม่ จะทะลวงเข้าไปถึงรสขมฝาดและฤทธิ์แรงกระตุ้นได้โดยทันที แล้วไปทำการวิเคราะห์ความเด่นด้อยของ “วัตถุดิบ

        พวกเค้าสนใจต่อ “ความหนืด” ของน้ำชา (ฟลูบอดี้หรือไม่?) ความเร็วใน “การสลาย” ของรสขมฝาด และ “การอยู่คงค้างยาวสั้น” ของอาฟเตอร์เทส

        พวกเค้าอาศัษสัญญาณเหล่านี้ มาตัดสินว่าสารองค์ประกอบในใบชามีครบถ้วนบริบูรณ์หรือไม่ กรรมวิธีการผลิตจะคงไว้พื้นที่ที่เพียงพอสำหรับพัฒนาการต่อไปหรือไม่


        ทันศนคติของพวกเค้า : “ลูกเป็ดขี้เหร่ในวันนี้ อาจสามารถเป็นหงส์ขาวในวันหน้า

        ชาใหม่ตัวหนึ่งอาจไม่ค่อยถูกปาก แต่ขอเพียงให้มีสารองค์ประกอบที่เต็มเปี่ยมแล้วไซร์ และผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ถูกต้อง ก็คือ “หุ้นที่มีศักยภาพสูง

        ความเพลิดเพลินของพวกเค้าคือการได้เห็นประจักษ์และการมีส่วนร่วมในเส้นทางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : นักสะสมใบชา นักลงทุน และผู้ชื่นชอบและสนุกในการจัดเก็บชา


ลูกเป็ดขี้เหร่เปลี่ยนร่างเป็นหงส์ขาว แสดงออกถึงศักยภาพภายในและพลังที่ตระหนักด้วยตนเอง


   4) สำนักแตร์รัวร์นิยม (The Terroirists)


        พวกเค้าแสวงหาอะไร? พวกเค้าสามารถแยกแยะ “ดุดัน/霸气” ของเหล่าปานจาง; “หวานน้ำตาลกรวด/冰糖甜” ของปิงเต่า; “อ่อนโยนแต่แข็งแกร่ง/柔中有刚” ของยี่หวู่ ได้อย่างเฉียบแหลม

        พวกเค้าแสวงหาความบริสุทธิ์ที่ยิ่งยวด โดยเชื่อว่า“การเบลน”จะทำให้เกิดความสับสนต่อบุคลิคของแหล่งการผลิต ชาดีจอกหนึ่ง ก็คือแผ่นที่ Terroir ที่แม่นยำ


        ทันศนคติของพวกเค้า : คุณค่าของชาผูเอ่อร์อยู่ที่คุณลักษณะที่มีเพียงหนึ่งไม่มีสองของสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ กล่าวสำหรับพวกเค้าแล้ว การได้ดื่มทำความเข้าใจถึงรสดื่มด่ำที่พิเศษเฉพาะของแต่ละดอยแล้ว เป็นความสุขอย่างสุดซึ้งของการชิมดื่มชาผูเอ่อร์

        ชาเบลนตัวหนึ่งอาจมีรสชาติที่กลมกล่อมโดยผ่านกรรมวิธีการผลิตที่ละเอียดประณีต แต่จะขาดซึ่ง “วิญญาณ” แห่ง Terroir 


        ตัวแทนที่เป็นแบบฉบับ : ผู้ติดตามชาต้นโบราณดอยดัง ผู้ชื่นชอบเขตพื้นที่การผลิตอย่างสุดซึ้ง


▲เข้าใจ Terroir --- คือเส้นทางที่ต้องเดินในการ “ดื่มอย่างเข้าถึง” ชาผูเอ่อร์ 

     

เพราะฉะนั้น “อะไรคือชาผูเอ่อร์ที่ดี?”

คำตอบก็คือ : ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเพียงหนึ่งเดียว แต่คุณสามารถเสาะหาคำตอบสำหรับตัวคุณเอง


• ข้อเสนอแนะสำหรับคุณ :


      - ความต้องการของคุณต้องเด่นชัด : คุณคิดว่าจะหาเครื่องดื่มหนึ่งที่วันนี้ดื่มแล้วสบายใจ หรือเป็นการลงทุนสำหรับอนาคต? คุณคิดที่จะมีความรู้สึกที่ตอบสนองพ้องกันของร่างกาย หรือคิดที่จะชิมลิ้มรสที่เป็นแก่นสารของลักษณะภูมิประเทศ?


      - ดื่มให้เยอะ เปรียบเทียบให้มาก : ก็มีเพียงผ่านการชิมดื่มเปรียบเทียบชาที่ี่แต่ละสำนักยอมรับว่า “ดี” จึงจะสามารถสร้างพิกัดการับรสและระบบการประเมินของตนเอง 


      - เชื่อมั่นในความรู้สึกของตนเอง : สุดท้าย ชาเป็นสิ่งที่บริการเพื่อท่าน โพรงปากและร่างกายจะพูดความจริงกับคุณ “ถูกปากเป็นสิ่งล้ำค่า/适口为珍”เป็นกฏที่จริงแท้แน่นอน

        การทำความเข้าใจบนพื้นฐานของข้อโต้แย้งข้างต้น การเสาะหาชาที่นำพาคุณให้มีความรู้สึกสุขกายสบายใจและพึงพอใจที่แท้จริง กล่าวสำหรับตัวคุณแล้ว นั่นก็คือชาผูเอ่อร์ที่ดีที่สุด


หมายเหตุ :

- รสชาติเรียบจาง*  : โปรดติดตามอ่านบทความ《ทำไมชายิ่งดียิ่งจาง?


เอกสารอ้างอิง :

1. 品饮标准之争 : 什么是好普洱茶?http://xhslink.com/o/49Y1EAoclAQ