ย้าวเบี้ยนคือความร่วมมือของธรรมชาติและนายช่างฝีมือ
เจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยน เป็นหนึ่งในเจี้ยนจ่านที่ทำการชุบเคลือบครั้งเดียว เผาครั้งเดียวในกระบวนการเผาผนึกที่อุณหภูมิสูง เป็น
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อเกิดขึ้นอย่างธรรมชาติในภาวะบรรยากาศที่น้ำเคลือบและไฟเตาเกิดการเปลี่ยนแปลงมายาอย่างยิ่งยวด ! เป็นสิ่งที่ไม่มีที่ใดในโลกหล้า เป็นของล้ำค่าชนิดพิเศษจัดอยู่ในระดับสูงสุดของเจี้ยนจ่าน
หลักพื้นฐานในการชื่นชมคุณค่าของ「ย้าวเบี้ยน」
ลักษณะแบบไหนของเจี้ยนจ่านจึงจะสามารถถือเป็นจ่าน「ย้าวเบี้ยน」อย่างแท้จริง(เสมือนกับย้าวเบี้ยนยุคสมัยซ่ง3ใบที่เป็นสมบัติแห่งชาติเก็บอยู่ตามพิพิธภัณฑสถานของญี่ปุ่น) ?
อาจารย์ลู่จินสี่(
陆金喜)เชื่อว่า สรุปโดยองค์รวมแล้ว เจี้ยนจ่านจะต้องเพียบพร้อมด้วยลักษณะพิเศษ5ด้านตามข้างล้างนี้ จึงจะสามารถถือเป็น「จ่านย้าวเบี้ยน」:
1. ดินเหล็ก เคลือบหนา เผาผนึกที่อุณหภูมิสูง
2. เคลือบแร่ธรรมชาติ ชุบเคลือบครั้งเดียว เผาผนึกครั้งเดียว ก่อเกิดขึ้นอย่างธรรมชาติในไฟเตาเผา
3. รูปลักษณะของจุดนิวเคลียสเป็นรูปทรงกลมถือเป็นเลิศ เกาะกันเป็นกลุ่ม
4. รัศมีสีรุ้งพระอาทิตย์ทรงกลดจะเปลี่ยนแปลงตามการแปรเปลี่ยนของแสงสว่าง มุมกระทบ
5. ด้านในจ่านมีนัยขนกระต่ายสีรุ้ง
๑. ย้าวเบี้ยนควรสอดคล้องกับลักษณะพิเศษทางดินเหล็ก เคลือบหนา เผาผนึกที่อุณหภูมิสูง
1)
ไม่มีดินเหล็ก ไม่ใช่เจี้ยนจ่าน
เจี้ยนจ่านยุคสมัยซ่งจะต้องสอดคล้องกับเงื่อนไขพื้นฐาน3อย่าง คือ ดินเหล็ก เคลือบหนา เผาผนึกที่อุณหภูมิสูง(1300°C กระทั่งสูงกว่า) ย้าวเบี้ยนก็ทำนองเดียวกัน
▲ดินเหนียวสุ่ยจี๋ที่มีแร่เหล็กเป็นองค์ประกอบในปริมาณสูง
วัตถุดิบเนื้อดินดิบที่ใช้ผลิตเจี้ยนจ่านเป็นการใช้ดินเหนียวสีน้ำตาลแดงผลิตจากท้องที่ตั้งสุ่ยจี๋เมืองเจี้ยนหยาง มีแร่เหล็กออกไซด์เป็นองค์ประกอบอยู่ประมาณ8%(โดยทั่วไปมีแร่เหล็กเป็นองค์ประกอบอยู่ระหว่าง7-10%)
▲ดินเหนียวสุ่ยจี๋ที่มีแร่เหล็กเป็นองค์ประกอบในปริมาณสูง
ลักษณะพิเศษพื้นฐานของเนื้อดินเจี้ยนจ่านของเตาเจี้ยนคือ : เนื้อดินหน้าตัดจะออกสีดำหรือดำเทา น้ำตาลดำ นี่ก็เป็นเพราะจากการที่มีแร่เหล็กเป็นองค์ประกอบในปริมาณค่อนข้างสูง ; โครงเนื้อดินหนาแน่นแข็งแกร่ง กระเทาะเกิดเสียงโลหะ ทั่วไปเรียกว่า「
ดินเหล็ก」สัมผัสด้วยมือจะมีความรู้สึกหนาหนัก ; ประกอบด้วยเม็ดทรายค่อนข้างมาก ทำให้เนื้อดินค่อนข้างหยาบ สัมผัสเนื้อดินที่โผล่ด้วยมือจะรู้สึกค่อนข้างหยาบกระด้าง เนื้อดินลักษณะแบบนี้มีเฉพาะในเมืองเจี้ยนหยาง
▲ดินเจี้ยนจ่านหนาหนักดุจเหล็ก
2)
ตัวจ่านหนาหนักดุจเหล็ก
ความรู้สึกครั้งแรกเมื่อถือเจี้ยนจ่านบนมือก็คือ「
หนัก」
ใช่เซียง(
蔡襄)ยุคซ่งเหนือได้กล่าวใว้ใน《บันทึกชา(
茶录)》ซึ่งมีความหมายว่า「เนื้อดินเจี้ยนจ่านค่อนข้างหนัก เมื่ออบด้วยไฟ เก็บความร้อนได้นาน เย็นตัวช้ามาก เหมาะที่ใช้ในการตีชามากที่สุด」อันเนื่องจากจ่าน「เย็นแล้วชาไม่ลอยฟ่อง」ก็คือจ่านที่อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ ผงชาจะไม่สามารถลอยฟ่องขึ้นมาได้ ในกระบวนการตีปั่นชา ดอกชายากที่จะก่อตัวขึ้นมาได้ ฟองอากาศก็ไม่สามารถ「
กัดจ่าน」[
咬盏: ดอกชา(ก็คือฟองอากาศ)ที่ดำรงอยู่ได้นาน จะถูกดูดซับอยู่บนผนังจ่านยาวนานไม่สลาย คนโบราณเรียกว่า “กัดจ่าน”] โดยปริยาย
▲ชิ้นตัวอย่างที่เป็นเศษของเจี้ยนจ่าน
เนื้อดินหนา เป็นสิ่งที่ต้องการของการตีชาการดวลชา จากรูปข้างบนคือตัวอย่างเศษเจี้นจ่านแบบคลาสสิค เปรียบเทียบกับจ่านชา ถ้วยชาของยุคสมัยใดๆแล้ว ความหนาของเจี้ยนจ่านจะหนาเป็นหลายเท่าของพวกมัน เนื้อดินหนา จ่านก็หนักโดยธรรมชาติ จ่านปากรัด(
束口盏)12.5ซม.ที่เป็นแบบมาตรฐาน ผลจากการนำมาชั่งหลายๆใบคือ228-255กรัม น้ำหนักโดยเฉลี่ยประมาณ242กรัม ใกล้เคียงครึ่งชั่ง(1ช่าง=500กรัม) ถือบนมือแล้วจึงรู้สึกมีน้ำหนัก
3)
เนื้อดินสีดำน้ำตาลดุจเช่นเหล็ก
เจี้ยนจ่านเคลือบสีดำ เนื้อดินดำ สามารถที่จะกล่าวได้ว่าผิวนอกและด้านในดุจเนื้อเดียวกัน เนื้อดินดำเป็นลักษณะพิเศษหนึ่งที่สำคัญของเจี้ยนจ่าน สีเนื้อดินหน้าตัดทั่วไปเป็นสีดำ ดำเทาหรือดำน้ำตาล ตรงจุดนี้ การสังเกตบนผิวที่ทำการขัดเงาแล้วจะเห็นเด่นชัดมาก ; และเนื่องจากผิวหน้าตัดของชิ้นเศษเปื้อนดินมาแล้ว สีก็จะรู้สึกถูกลบให้จางลง นอกจากนั้น ฐานข้างใต้ของเจี้ยนจ่านโดยทั่วไปก็เป็นสีดำน้ำตาล น้ำตาลหรือน้ำตาลอมเขียว ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษที่สำคัญที่ใช้แยกแยะจ่านเคลือบดำที่ผลิตได้จากเตาเผาอื่นๆในกลุ่มของเตาเจี้ยน
▲ขอบปากที่ขัดเงาของเจี้ยนจ่าน
เนื้อดินของเจี้ยนจ่านหนาแน่นแข็งแกร่ง ใช้นิ้วมือเคาะ ราวกับเป็นเครื้องใช้ที่ทำด้วยเหล็ก เสียงดังกังวาน เป็นเสียงหนักแน่นมีพลัง แตกต่างจากเสียงที่บอบบางของเครื่องเคลือบเนื้อดินบางทั่วๆไปอย่างเด่นชัด
▲แข็งแกร่งเช่นเหล็ก เสียงเคาะเหมือนเหล็ก
ก็เป็นเพราะเนื้อดินที่หนาหนักของเจี้ยนจ่านในบรรดาเครื่องเคลือบสีดำทั้งหลายของเตาเจี้ยน ภายในเนื้อดินประกอบด้วยฟองอากาศเล็กละเอียด ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเก็บความร้อนของน้ำชา เหมาะสมกับความต้องการของการดวลชา ดังนั้น จึงได้กลายเป็นอุปกรณ์ชาอันดับหนึ่งในยุคสมัยซ่ง ถ้าหากในมือคุณมีจ่านเก่ายุคสมัยซ่ง คูณจะพบเห็นว่าเนื้อดินจ่านเก่าจะดำมาก นี่ก็คือการสำแดงออกทางด้านนอกขององค์ประกอบแร่เหล็กในปริมาณสูง
หนาหนักดุจเหล็ก ดำน้ำตาลดั่งเหล็ก แข็งแกร่งเช่นเหล็ก เสียงเคาะเหมือนเหล็ก จึงเรียกขานเจี้ยนจ่านว่า「
ดินเหล็ก」「
เครื่องเหล็ก」
4)
การเผาผนึกเจี้ยนจ่านจะต้องชุบเคลือบหนา
ชั้นเคลือบเจี้ยนจ่านจะหนาและเกิดการไหลได้ง่าย การชุบเคลือบหนาเป็นสิ่งที่ต้องการของ
สีเคลือบ สีเคลือบประกอบด้วย
สีพื้นของเคลือบและ
ลายบนผิวเคลือบ ชั้นเคลือบบางเกินไป สีเคลือบไม่ดำ ตรงส่วนที่เคลือบบางจะออกสีน้ำตาลแดงเข้ม มีผลกระทบต่อความรู้สึกทางความสวยงาม
▲เจี้ยนจ่านชุบเคลือบหนา
▲เจี้ยนจ่านชุบเคลือบหนา
ยิ่งกว่านั้น หลักที่สำคัญที่สุดก็คือ เคลือบบางเกินไป พื้นที่ว่างสำหรับการเกิด
ผลึกของเฟอร์ริกออกไซด์(หรือ
เฟอร์รัสออกไซด์ หรือมีทั้ง2ตัว รวมเรียกเป็น
เหล็กออกไซด์)จะเล็กมาก จะเป็นเหตุให้เกิดภาวะไม่ดีต่อการก่อเกิดของขนกระต่ายและหยดน้ำมัน เส้นขนกระต่ายจะสั้น ลักษณะการไหลไม่ราบรื่น จุดหยดน้ำมัน(ก็คือลานนกกระทา) ก็จะไม่ใหญ่ ดังนั้น การชุบเคลือบหนาเป็นเงื่อนไขที่จำเป็น
▲เจี้ยนจ่านชุบเคลือบหนา
เจี้ยนจ่านใช้การเผาแบบหงายขึ้น น้ำเคลือบภายใต้อุณหภูมิสูงจะไหลลงมา เป็นเหตุให้ตำแหน่งเจี้ยนจ่านยิ่งล่างลงไป เคลือบก็จะยิ่งหนา
5)
ย้าวเบี้ยนคือการเปลี่ยนแปลงมายาภายใต้ภาวะบรรยากาศยิ่งยวดที่อุณหภูมิสูง
▲เจี้ยนจ่านต้องเผาผนึกในเปลวไฟแบบรีดักชั่น1300°Cขึ้นไป
ความแข็งแกร่งของเจี้ยนจ่าน เป็นเพราะการก่อตัวขึ้นในเปลวไฟแบบรีดักชั่นที่ต้อง1300°Cขึ้นไป ซึ่งสูงกว่าอุณหภูมิการเผาผนึกที่1200°Cของเครื่องเคลือบทั่วๆไป ทำให้ระดับการเผาผนึกของเนื้อดินสูงยิ่งขึ้น ลักษณะเนื้อดินก็จะยิ่งหนาแน่น ความแข็งเพิ่มมากขึ้น เนื้อดินยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
▲ย้าวเบี้ยน-ผลงานของลู่จินสี่(
陆金喜)
「ย้าวเบี้ยน」ก็อยู่บนพื้นฐานนี้ น้ำเคลือบและอุณหภูมิได้ถึงภาวะบรรยากาศของการเปลี่ยนแปลงมายาอย่างยิ่งยวดจึงสามารถผลิตสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้ ซึ่งเงื่อนไขการเผาผนึกเทียบกับขนกระต่ายและหยดน้ำม้นแล้ว มีความต้องการที่สูงกว่า เข้มงวดกว่า
๒. เคลือบแร่ธรรมชาติ ชุบเคลือบครั้งเดียว เผาผนึกครั้งเดียว ก่อเกิดขึ้นอย่างธรรมชาติในไฟเตาเผา
การใช้เคลือบแร่ธรรมชาติ ชุบเคลือบครั้งเดียว เผาผนึกเชิงครั้งเดียว นี่คือจุดที่สำคัญที่สุดของกรรมวิธีของเจี้ยนจ่าน
▲เคลือบแร่ธรรมชาติที่หนานหลิน(
南林)สุ่ยจี๋(
水吉)
▲เคลือบแร่ธรรมชาติ
เพื่อการฟื้นฟูศิลปการของโยเฮนเทนโมกุ ญี่ปุ่นได้ทำการวิเคราะห์ทางเคมีของย้าวเบี้ยนสมบัติแห่งชาติที่เก็บอยู่ตามพิพิธภัณฑสถาน จากมุมมองทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า :
「
ย้าวเบี้ยนสมบัติแห่งชาติใช้เคลือบแร่ธรรมชาติ ชุบเคลือบครั้งเดียว ทำการเผาผนึกเชิงครั้งเดียว ก่อเกิดขึ้นอย่างธรรมชาติในไฟเตาเผา น้ำเคลือบไม่ผสมเติมวัตถุดิบอุตสาหกรรมเคมีใดๆเช่นธาตุโลหะหนักที่เป็นอันตราย มีสีสเปคตัมที่เปลี่ยนแปลงอย่างหลากหลาย ก่อตัวตามธรรมชาติ และปลอดภัยปลอดสารพิษ」
▲เคลือบแร่ธรรมชาติเผาผนึกที่อุณหภูมิสูง ปลอดภัยปลอดสารพิษ
เจี้ยนจ่านขนกระต่าย หยดน้ำมันและลายนกกระทา ล้วนเป็นผลงานชิ้นเอกของเคลือบผลึกเหล็ก เป็นการชุบครั้งเดียว เผาผนึกเชิงครั้งเดียว ก่อเกิดขึ้นอย่างธรรมชาติในไฟเตาเผา แน่นอนย้าวเบี้ยนก็ไม่มีข้อยกเว้น
ย้าวเบี้ยนที่เผาออกมาภายใต้เบื้องต้นที่ต้องชุบเคลือบครั้งเดียว ต้องเผาผนึกเชิงครั้งเดียว มีความต้องการต่อปัจจัยทางภาวะบรรยากาศของน้ำเคลือบและอุณหภูมิอย่างยิ่งยวด ยุคสมัยซ่งอัตราผลผลิตเป็นหนึ่งในล้านก็แทบจะไม่มี นี่จากจำนวนนับนิ้วได้ของเจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยนที่หลงเหลืออยู่เป็นครื่องยืนยัน
▲ย้าวเบี้ยนพิการครึ่งใบที่ขุดพบในเมืองหางโจวปี2009
๓. รูปลักษณะจุดนิวเคลียสเป็นรูปทรงกลมถือเป็นเลิศ เกาะกันเป็นกลุ่ม
ย้าวเบี้ยนยุคสมัยซ่งมีลักษณะพิเศษ2อย่างที่เด่นชัดมาก หนึ่งในนั้นก็คือลายจุดมีรูปเป็นทรงกลม ก็คือ :
จุดนิวเคลียส รูปลักษณะของจุดนิวเคลียสส่วนใหญ่ใกล้เคียงรูปทรงกลม เกาะกันเป็นกลุ่ม
▲รายละเอียดของโยเฮนเทนโมกุที่เก็บอยู่ที่ Fujita Art Museum,Osaka
ยุคสมัยซ่ง ผลิตภัณฑ์ตัวหลักของเตาเจี้ยน(98%ขึ้นไป)เป็นจ่านขนกระต่าย「
หาวเบี้ยน」(
毫变:การเปลี่ยนไปของขน) มีความหมายโดยนัยคือผลิตภัณฑ์ชนิดที่เปลี่ยนไปของผลิตภัณฑ์ตัวหลัก(ขนกระต่าย) ซึ่งก็คือผลิตภัณฑ์ชนิดที่กลายไปในเตาเจี้ยน「
หาว」(
毫:ขน)ในที่นี้เทียบเท่า「
หยาว」(
窑:เตา) ดังนั้น「
หาวเบี้ยน」กับ「
หยาวเบี้ยน」(
窑变:การกลายไปในเตา)มีความหมายเดียวกัน ซึ่ง「
ย้าวเบี้ยน」(
曜变)เป็นการเปลี่ยนผ่านมาจาก「
หยาวเบี้ยน」ดังนั้น「
หาวเบี้ยน」「
ยี่เบี้ยน」(
异变)ในบันทึกประวัติศาสตร์ยุคสมัยซ่งของเมืองจีน กับที่ญี่ปุ่นเรียกว่า「
ย้าวเบี้ยน」(
Yohen)เป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกัน
▲รายละเอียดของเศษชิ้นย้าวเบี้ยนที่ขุดพบในเมืองหางโจวปี2009
เมื่อแวบมองจุดนิวเคลียสย้าวเบี้ยนครั้งแรกจะแตกต่างกับหยดน้ำมัน ขนกระต่านอย่างสิ้นเชิง แต่มิใช่ไม่มีการเกี่ยวโยงกัน ผ่านการสังเกตเห็นจากกล้องจุลทรรศน์ ความแตกต่างของย้าวเบี้ยนกับหยดน้ำมันอยู่ที่ หยดน้ำมันคือในลายจุดมีสีสันของผลึก นอกลายจุดจะดำสนิท แต่ย้าวเบี้ยนกลับตรงกันข้าม ในลายจุดออกสีมืด จะลึกลับเหมือน「
หลุมดำ」ในกาแล็กซี่ นอกลายจุดล้อมรอบด้วยพระอาทิตย์ทรงกลดสีประกายรุ้ง รูปลักษณะแบบนี้เรียกว่า「
จุดนิวเคลียส」(
斑核)
▲จุดนิวเคลียส(
斑核)ของจ่านหยดน้ำมัน
ย้าวเบี้ยนก็คืออยู่บนพื้นฐานของหยดน้ำมันและขนกระต่าย ปฏิกิริยาของอุณหภูมิและน้ำเคลือบถึงระดับการเปลี่ยนแปลงมายาอย่างยิ่งยวด ดังนั้น คิดที่จะเผาย้าวเบี้ยนออกมา จะต้องสามารถควบคุมศิลปการเผาผลิตหยดน้ำมันและขนกระต่ายให้ได้เสียก่อน
การชื่นชมคุณค่าของเจี้ยนจ่านที่สำคัญที่สุดคือ
ลายสีเคลือบ ทำไมถึงพูดว่าที่สำคัญที่สุด ? เนื่องจากเจี้ยนจ่านไม่มีของเลียนแบบ ! ลายสีเคลือบของผลิตภัณฑ์เจี้ยนจ่านทุกชิ้น กลไกรูปภายนอกล้วนไม่ใช่แบบเดียวกัน นี่ก็คือเสน์ที่ดึงดูดของเจี้ยนจ่านที่ดำรงอยู่
การที่ย้าวเบี้ยนเป็นการเฉพาะเช่นนี้ จุดนิวเคลียสของย้าวเบี้ยนจะไม่กระจายไปทั่วอย่างสม่ำเสมอเช่นลายหยดน้ำมัน แต่ก่อเกิดขึ้นเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมากที่ประกอบด้วยจุดใหญ่จุดเล็กแตกต่างกัน ดั่งเช่น
เนบิวลาในกาแล็กซี่ ต่างรวมตัวกัน ต่างแผ่รังสีซึ่งกันและกัน จ่านย้าวเบี้ยนที่ไม่เหมือนกัน สภาพของการรวมเป็นกลุ่มต่างก็มีสีสันแพรวพราวของตนเอง ไม่ว่าเจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยนสองชิ้นใดๆ จะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเหมือนกัน
▲ขุดพบที่หางโจว(ซ้าย) ผลงานลู่จินสี่(กลาง) Fujita Art Museum(ขวา)
เปรียบเทียบโยเฮนเทนโมกุที่เก็บอยู่ที่ Fujita กับโยเฮนเทโมกุที่เก็บอยู่ที่ Seikado ก็สามารถที่จะพบเห็นว่า ครรลองการเป็นกลุ่มของ2ใบนี้มีข้อตแตกต่างกันมาก การเป็นกลุ่มของชิ้นหลังจะเด่นชัดกว่าชิ้นแรกมาก
๔. รัศมีสีรุ้งพระอาทิตย์ทรงกลดจะเปลี่ยนแปลงตามการแปรเปลี่ยนของแสงสว่าง มุมกระทบ
ลักษณะพิเศษที่เด่นชัดมากของย้าวเบี้ยนยุคสมัยซ่งก็คือ : สีฟ้าเรืองแสงเปล่งประกายรอบๆลายจุด เป็นสิ่งมหัศจรรษ์หาที่เปรียบไม่ได้
จุดนิวเคลียสของจ่านย้าวเบี้ยนจะต้องล้อมรอบด้วยรัศมีสีรุ้งพระอาทิตย์ทรงกลด พระอาทิตย์ทรงกลดจะเปลี่ยนแปลงตามการแปรเปลี่ยนของมุมกระทบของแสงสว่าง เปลี่ยนแปลงอย่างมายาออกเป็นสีประกายรุ้งเจิดจ้า ก็เหมือนกับแสงสีอะร้าอร่ามในยามค่ำคืนอันสวยงาม อย่างเช่นของ Seikado จะแผ่รังสีน้ำเงิน ม่วง เหลือง เป็นต้น ของ Fujita จะแผ่รังสีน้ำเงิน เขียวอมน้ำเงิน ม่วง เป็นต้น
พลังเวทย์ที่มีมนตร์เสน่ห์ของย้าวเบี้ยน ระดับใหญ่ๆแล้วมาจากการเปล่งประกายแวววาวที่มหัศจรรย์พันลึกเช่นนี้
เจี้ยนจ่านที่แสนหายากตลอดระยะเวลาอันยาวนานที่ผ่านมาล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่เก็บรักษาโดยชนชั้นสูงของญี่ปุ่น บนวิถีทางศิลปะ มันไม่เพียงมีความรู้สึกทางความสุนทรีย์อย่างเหลือล้นที่ประกอบขึ้นจากจุด เส้น ผิวหน้าแล้ว มันยังอยู่บนพื้นฐานที่กลั่นออกมาจากแสงประกายเปล่งปลั่งที่มหัศจรรย์ไร้ขีดจำกัด
๕. ด้านในจ่านมีนัยขนกระต่ายสีรุ้ง
ระหว่างศิลปการของย้าวเบี้ยนกับขนกระต่าย หยดน้ำมันดำรงไว้ซึ่งเกี่ยวโยงกันอย่างแนบแน่น ย้าวเบี้ยนก็คืองานฝีมือที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของขนกระต่ายและหยดน้ำมัน ถ้าหากนายช่างฝีมือผู้ใดเผาผลิตขนกระจ่ายและหยดน้ำมันออกมาได้ไม่ดี แน่นอนก็ย่อมเผาย้าวเบี้ยนออกมาไม่ได้
การสำรวจโดยผ่านจ่านย้าวเบี้ยนที่เก็บอยู่ที่ Seikado และ Fujita กับชิ้นเศษของเจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยนที่ขุดพบในเมืองหางโจว จะสามารถพบเห็นได้ว่า พระอาทิตย์ทรงกลดของพวกมันไม่ใช่เป็นไปอย่างต่อเนื่องกันตลอด แต่จะมีเส้นเป็นบางส่วน ดูแล้วคล้ายกับ「
ลักษณะขนกระต่ายสีรุ้ง」จุดประกายและขนกระต่ายสีรุ้งผสมผสานรวมเป็นหนึ่ง
▲หางโจว(บน) Seikado(กลาง) Fujita(ล่าง)
กล่าวสรุปโดยง่ายๆว่า เจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยนก็คือต้องสอดคล้องกับลักษณะพิเศษ ดังนี้ : ชุบเคลือบครั้งเดียว เผาผนึกครั้งเดียว จุดนิวเคลียสรูปทรงกลม ดำ ในนิวเคลียสราบเรียบ รอบข้างนิวเคลียสมีพระอาทิตย์ทรงกลด สีลวงตา จุดนิวเคลียส3-5จุดเกาะเป็นกลุ่ม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ก็คือลักษณะพิเศษที่สำคัญของเจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยน จุดสำคัญที่เด่นชัดอยู่ที่จุดนิวเคลียส รัศมีสีรุ้งพระอาทิตย์ทรงกลดและชุบเคลือบครั้งเดียว เผาผนึกครั้งเดียว
เอกสารอ้างอิง :
1.
曜变是大自然与巨匠的合作 http://m.sohu.com/a/150748611_99892992/?pvid=000115_3w_a
[
หมายเหตุ] : เมื่อรับรู้ “
เรื่องราว” ของเจี้ยนจ่าน แล้วรับทราบ “
ลักษณะพิเศษ” ของเจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยนแล้ว โดยเฉพาะสีเคลือบจุดนิวเคลียสพระอาทิตย์ทรงกลดของจ่านย้าวเบี้ยนเป็นความประจวบเหมาะอย่างมหัศจรรย์ของ「
ฝีมือสวรรค์」กับ「
ทักษะมนุษย์」จ่านย้าวเบี้ยนปรากฏเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาก็โดยการปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจนถึงจุดพิเศษที่ยิ่งยวด ทั้งหมดไม่มีร่องรอยจากการขัดเกลาของฝีมือมนุษย์ นี่ก็คือการปล่อยให้เครื่องอุปกรณ์เหล่านี้เกิดการแปลงร่างซึ่งเกิดขึ้นเองภายใต้เปลวเพลิงในเตา สามารถที่จะกล่าวได้ว่า「
เข้าเตาหนึ่งสี ออกเตาหลากสี」ทั้งหลายทั้งปวงก็คือ「
ปล่อยไปตามยถากรรม」
ลายสีเคลือบของเจี้ยนจ่านย้าวเบี้ยน(โยเฮนเทนโมกุ)ยุคสมัยซ่งมีความเสมือนกับปรากฏการณ์และเทหวัตถุในเอกภพอย่างไร ? ที่คนจีนยุคสมัยซ่งมีความเชื่อว่าเป็น “
ของปีศาจ”(ความหมายคือ “ไม่ใช่น้ำมือของมนุษย์”) แต่คนญี่ปุ่นถือเป็น “
สิ่งศักดิ์สิทธิ์” ความงามแห่งเจี้ยนจ่าน หาที่เปรียบไม่ได้ สนใจโปรดติดตามบทความ《
กาแล็กซี่ในถ้วย》ซึ่งจะนำเสนอตามลำดับต่อไป !!