普洱茶 : 引人入胜的谜团 (三)
มีเหตุการณ์จริงเรื่องหนึ่งที่ทำให้พวกเราให้ความสนใจ ตราบยุคปี 90 ศตวรรตที่แล้วจนถึงปี 2013 ศตวรรตนี้ ได้เคยเกิดการถกเถียงมากครั้งแวดล้อมชาผูเอ๋อร์ ประเด็นของการถกเถียงทุกครั้งล้วนกระทบมุ่งตรงไปที่จุดชีวิต(命门)ของชาผูเอ๋อร์ :
ชาผูเอ๋อร์จริงหรือที่ว่า “ยิ่งเก่ายิ่งหอม” ?
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ว่าชาผูเอ๋อร์มีสรรพคุณทางบำรุงสุขภาพร่างกายคืออะไรบ้าง ?
กระบวนการผลิตและการจัดเก็บชาผูเอ๋อร์จะไม่ปรากฏสิ่งที่เป็นอันตรายจริงหรือไม่ ?
ชาผูเอ๋อร์เป็นเครื่องดื่มที่ปลอดภัยจริงหรือไม่ ?
ชาผูเอ๋อร์มีคุณค่าทางการจัดเก็บจริงหรือไม่ ?
ฯลฯ
การโต้แย้งทุกครั้งส่วนใหญ่ล้วนเป็นสถานการณ์ที่โจมตีชาผูเอ๋อร์ให้เข้าไปอยู่ในห้องแช่แข็ง แต่สิ่งที่ทำให้พวกเราแปลกใจคือ การเผชิญต่อความคิดเห็นทางสาธารณะต่อการจับผิดชาผูเอ๋อร์ ด้านหนึ่งเสียงโต้แย้งเพื่อมาหักล้างจากวงการชาผูเอ๋อร์มีน้อยมาก ในท่ามกลางข้อสงสัยแบบยกตนข่มท่าน(咄咄逼人)บ่งบอกถึงความเป็นจุดอ่อนอย่างเห็นได้ชัด อีกด้านหนึ่งคือทางผู้บริโภคชาผูเอ๋อร์ต่อข้อโต้แย้งเหล่านี้ทำเป็นเอาหูทวนลม(置若罔闻) สงบนิ่งเฉย(泰然处之) ไม่ให้ความสนใจ(不闻不问) ยืนกรานฉันเป็นแบบเดี๊ยนเอง(我行我素) เปลี่ยนเป็นอีกหนึ่งแนวความคิดแล้วพิจารณา ถ้าหากข้อโต้แย้งเหล่านี้เกิดขึ้นในธุรกิจอื่น อย่างเบาคงทำให้ธุรกิจนั้นเกิดการถดถอย อย่างหนักจะเกิดการฮาร์ดแลนดิ้งธุรกิจได้รับความเสียหายอย่างฉับพลัน แต่ชาผูเอ๋อร์กลับตรงกันข้าม เมื่อทุกข้อโต้แย้งยุติลง ไม่ว่าผลลัพธ์ของข้อโต้แย้งจะเป็นประการใด ล้วนทำให้ชาผูเอ๋อร์เกิดการเฟื่องฟูขึ้นใหม่
สิ่งที่มีความหมายอย่างมากคือ จังหวะที่ผู้คนจำนวนมากรู้จักชาผูเอ๋อร์ก็เนื่องมาจากข้อโต้แย้งของชาผูเอ๋อร์ จากการรับรู้ถึงการสัมผัสเสร็จสิ้นกระบวนความภายในระยะเวลาอันสั้น แล้วให้การรับรอง กลายเป็นพันธมิตรใหม่ โดยเฉพาะที่โผล่มาจากบรรดาพ่อค้าชาของเจ้อเจียง ฝูเจี๋ยน และอันฮุย ช่วงระหว่างปี 2007 ถึง 2008 เหตุการณ์ล้อมปราบ(围剿)ของชาผูเอ๋อร์ได้ระเบิดออกมา เสียงโมโหกล่าวโทษส่วนใหญ่มาจากผู้เชี่ยวชาญทางใบชาจาก 3 เขตพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น ผู้เชี่ยวชาญบางท่านถือเป็นผู้มีอิทธิผลรุ่นเฮฟวี่เวทในวงการชาของจีน แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขางงงวยมากก็คือ พ่อค้าชาที่เคยทำให้พวกเขาภาคภูมิใจในเขตพื้นที่ภายใต้การดูแลของพวกเขา หลังจากการโต้แย้งผ่านไปกลับเปลี่ยนทิศไปทางชาผูเอ๋อร์ ทุกวันนี้จากการผลิตชาผูเอ๋อร์ถึงการไหลเวียนในทุกภาคส่วน พวกเราสามารถพบเห็นเงาจำนวนมากของพวกเขา ปรากฏการณ์ที่มีความหมายมากที่สุดก็คือ ช่วงเวลาที่พวกเขาย่างก้าวเข้ามามิใช่ยุคแห่งความคลุ้มคลั่งที่สุดของชาผูเอ๋อร์(ปี 2004-2007) แต่เป็นสถานการณ์ที่ราคาของชาผูเอ๋อร์ตกฮวบอย่างมากแล้ว เป็นช่างเวลาที่พ่อค้าชาผูเอ๋อร์เดิมต้องเก็บตัวอย่างเงียบเชียบ(噤若寒蝉) แต่พวกเขาพกพาเงินทุนก้อนใหญ่เข้าไปอย่างเงียบๆ เช่นกันในปี 2009 องค์กรธุรกิจผลิตชาในหยินหนานไม่เพียงไม่ลดลง กลับมีองค์กรธุรกิจใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก ท่ามกลางองค์กรธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้นมา นักธุรกิจจากเจ้อเจียงและนักธุรกิจจากฝูเจี๋ยนกลายเป็นตัวหลัก อัตราส่วนเงินลงทุนขององค์กรธุรกิจจากภายนอกเป็นครั้งแรกที่สูงกว่าองค์กรธุรกิจภายในพื้นที่ของหยินหนานเอง กลุ่มพลังที่เกิดใหม่นี้ไม่เพียงทำให้ปรากฏการณ์แผ่นดินถล่มที่เริ่มเกิดขึ้นแล้วสามารถสิ้นสุดลงได้ และหลัง 2 ปีต่อมา(ปี 2010) สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่ว่าด้านกำลังการผลิตหรือราคาขายตามท้องตลาดก็สูงเกินกว่าระดับสูงสุดที่เคยเป็นมา
ปรากฏการณ์อันประหลาดเช่นนี้มีเฉพาะในชาผูเอ๋อร์ของหยินหนาน ธุรกิจอื่นๆยากที่พานพบ กวาดมองไปตามการพัฒนาของชาผูเอ๋อร์ใน 20 ปีที่ผ่านมา มันเติบโตอย่างแข็งแรงและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วภายใต้เสียงแห่งความสงสัยตลอดมา
นี้ก็นำพวกเราสู่ความไม่แน่ใจ ชาผูเอ๋อร์คือเทพยดาองค์ใดกันแน่ ถึงมีร่างอรหันต์อันทรงพลังเช่นนี้? ที่ผู้บริโภคชาผูเอ๋อร์จำนวนมากจากชาวบ้านเกิดความหลงรักและความเชื่อด้านสรรพคุณทางบำรง
สุขภาพของมันอย่างไม่เสื่อมคลาย พวกเรามิอาจละเว้นที่จะถามขึ้นมาว่า เป็นเพราะความล้าหลังของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือเป็นเพราะการหลอกหลอนจากพลังอันเป็นนิสัยของชาวบ้าน
กระนั้น ความกังขาของพวกเรายังมีอีกมาก และข้อถกเถียงภายในวงการชาของหยินหยานเองก็มีอีกมากมาย :
ชาดิบควรถือเป็นชาเขียวหรือชาผูเอ๋อร์ ?
ชาผูเอ๋อร์เนื้อเดียวดี ? หรือเนื้อผสมดี ?
การอัดขึ้นรูปของชาผูเอ๋อร์ ทำไมเป็นแผ่นชา(饼茶) และถัวฉา(沱茶)เป็นหลัก ? มันเพื่อความสะดวกในการขนส่งหรือเป็นการคำนึงถึงผลกระทบต่อคุณภาพ ? หรือเป็นการให้ความเคารพต่อประเพณีทางประวัติศาสตร์ ?
ทำไมชาผูเอ๋อร์สามารถผลิตจากหยินหนานเพียงแห่งเดียว ? ใช้ใบชานอกเขตหยินหนานมาผลิตชาผูเอ๋อร์ได้หรือไม่ ?
กรรมวิธีการผลิตของชาผูเอ๋อร์ที่สืบทอดจากโบราณกาลมาบรรลุสมบูรณ์แบบ(臻于完善)แล้ว หรือต้องรอคอยกรรมวิธีการใหม่เกิดขึ้นมา เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์แบบอย่างไม่หยุดยั้ง ? และเกณฑ์มาตรฐานของมันอยู่ที่ไหน ?
คำถามต่างๆนานายังมีอีกมากมายก่ายกอง
ถ้าปราศจากคำถามเหล่านี้ หรือเป็นคำถามที่หนักๆแล้วก็จะเป็นการยากที่ทำให้พวกเราต้องมาครุ่นคิด ยิ่งมาปลุกเร้าระดับความสนใจและความกระตือรือร้นของพวกเราไม่ขึ้น
แน่นอน ในที่นี้ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่สำคัญกว่ามาก ก็คือพวกเราให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อสารอาหารทางพืชที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในชาผูเอ๋อร์ เป็นที่รู้กันว่า สารอาหาร(Nutrient : 营养素)คือพลังงานที่อาหารให้แก่มนุษย์ เป็นสารประกอบทางเคมีประกอบอยู่ในร่างกายและซ่อมแซมส่วนที่สึกหล่อและควบคุมการทำงานของร่างกาย สารต่างๆที่ต้องการเพื่อบำรงสุขภาพและเพื่อการเจริญเติบโตและกิจกรรมต่างๆล้วนเรียกว่าสารอาหาร สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ วิตามิน น้ำและเซลลูโลส 7 ประเภท
ทั้งหมดนี้ สารอาหารทางพืชจะแตกต่างจากแนวความคิดของสารอาหารที่พวกเราเข้าใจโดยทั่วไป มันประกอบด้วยสารที่มิใช่วิตามิน และไม่ใช่แร่ธาตุ อย่างเช่นชาผูเอ๋อร์ประกอบด้วยสารแอลคาลอยด์(รวมทั้งธีโอฟิลลีน) ทีโพลิฟีนอลส์ ซาโปนินส์ แซคคาริกเทอร์แพนนิน ฯลฯ ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นอย่างมากสารอาหารทางพืชสามารถต้านเชื้อโรค ต้านการออกซิเดชั่น เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย ลดอัตราการเสี่ยงการเกิดเนื้องอกและโรคหัวใจและหลอดเลือด ป้องกันการเกิดโรคบางชนิดได้ โดยทั่วไปเชื่อกันว่าอาหารที่ประกอบด้วยสารอาหารทางพืชอย่างเด่นชัดล้วนเรียกว่าอาหารเพื่อสุขภาพ(Functional Food) นอกจากมันเพิ่มความสามารถในการถ่ายทอดและเชื่อมโยงระหว่างเซลล์แล้ว ยังต้านการอักเสบ ช่วยไม่ให้เซลล์เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหัน การศึกษาการแพทย์สมัยใหม่มีความเชื่อว่ามันสามารถป้องกันการแพร่ขยายของเซลล์มะเร็งได้
........ยังมีต่อ........
แปล-เรียบเรียง จากบทความ 《ชาผูเอ๋อร์ : ปริศนาซึ่งทำให้หลงเสน่ห์》 ตอนที่ 3---เขียนโดย เฉินเจี๋ย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น