เห็นมีการยกกรณีของปั้นจื่อซาที่ “เนื้อดิน” มีสีที่ผิดแปลกจากสีธรรมชาติของ “ดินจื่อซา” เช่นสีออกเขียว น้ำเงิน หรือดำ เป็นต้นล้วนถือเป็น “ดินเคมี” แล้วมีความเข้าใจว่า ถ้าหากนำมาใช้ชงชาดื่มแล้วจะมีโทษต่อร่างกาย
ก่อนอื่น มานิยามกันก่อนว่า “ดินเคมี” คืออะไร? : คือดินที่นำดินเกาลินหรือดินเหนียว ผงควอทซ์ โซเดียมซิลิเกต(แก้วเหลว/Water Glass) และสารโลหะออกไซด์หรือสีย้อมเคมีที่เป็นสารให้สีมาผสมกันตามอัตราส่วน โดยทั่วไปจะผสมสารให้สีที่เกินค่ามาตรฐาน ดังนั้น “ปั้นเคมี” ที่ทำออกมาจะมีสีที่สดกว่า
โดยทั่วไป “ปั้นเคมี” จะมีลักษณะเฉพาะดังต่อไปนี้
1. ผิวปั้นโดยทั่วไปจะมีสีที่ค่อนข้างเจิดจ้า สีที่เจิดจ้าส่วนใหญ่ได้จากการเติมโซเดียมซิลิเกตในปริมาณที่มากเกิน หรือจากการพ่นน้ำดินเคมีเคลือบผิว
2. ความสามารถในการดูดซึมน้ำโดยทั่วไปจะค่อนข้างต่ำ ไม่มีคุณสมบัติที่อากาศสามารถซึมผ่านได้ เมื่อราดน้ำลงบนตัวปั้น น้ำบนตัวปั้นจะไม่ถูกซึมซับ
3. สีปั้นโดยทั่วไปจะค่อนข้างแวววาว โดยทั่วไปทำจากการนำดินเหนียวผสมสีย้อมเคมี
4. การเลี้ยงปั้นให้เกิดมันเงาได้ยาก ไม่ว่าจะเลี้ยงยังไง สิ่งที่หลงเหลืออยู่บนผิวปั้นก็เพียงแค่กากชา
5. กลิ่นแปลกปลอม เมื่อรินเทน้ำร้อนลงในปั้นจะมีกลิ่นที่แสบจมูก
กรณีของปั้นจื่อซาหยีซิงที่ถูกกล่าวว่าเป็น “ปั้นเคมี” ผู้บริโภคมีความกังวลว่า ปั้นจื่อซาจำนวนหนึ่งจะเป็นพิษต่อร่างกายจากการผสมวัตถุสารเคมีลงไป อันที่จริงดินจื่อซาธรรมชาติโดยตัวของมันเองก็ประกอบด้วยสารเคมีหลายชนิดด้วยกัน นี่เป็นสาเหตุที่อุปกรณ์จื่อซาสำแดงสีตัวตนออกมา
ในช่วงยุคสาธารณรัฐ มีดินชนิดหนึ่งที่มีสีพิเศษเฉพาะที่เรียกขานว่า “หมิงกั๋วลวี่หนี/民国绿泥” (ดินเขียวสาธารณรัฐ) โดยการนำแร่โคบอลต์และผงสีเขียวโครเมียมออกไซด์ผสมกับดินจื่อซาชนิด “เปิ่นซานลวี่หนี/本山绿泥” เมื่อผ่านการเผาผนึกแล้ว สีเนื้อดินจะออกโทนสีเขียวเข้มอมน้ำเงิน ซึ่งในยุคสมัยนั้น แร่โคบอลต์ต้องนำเข้าจากเยอรมันจึงมีราคาแพง ประกอบกับวัตถุดิบดินมีปริมาณน้อย ดังนั้นจึงมีศิลปินทำปั้นน้อยคนนักที่สามารถใช้ “หมิงกั๋วลวี่หนี” มาทำเป็นปั้นจื่อซา
ปัจจุบัน ผู้คนที่ชื่นชอบจื่อซาหยีซิงเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น เพื่อความพึ่งพอใจของลูกค้าที่มีระดับความต้องการต่างๆกัน เพื่อให้ได้สีของผลิตภัณฑ์จื่อซาเช่นปั้นจื่อซาให้มีสีที่สดและหลากหลายมากขึ้น จึงจำต้องผสมผงสีโลหะออกไซด์ในปริมาณที่เหมาะสมที่ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย
อาทิเช่น เหล็กออกไซด์(Fe2O3) โดยทั่วไปผสมอยู่ในดินจูหนี ทำให้ได้สีแดงสดราวกับต้าหงผาว โคบอลต์ออกไซด์(CoO) เป็นสารให้สีออกโทนน้ำเงิน แมงกานีสออกไซด์(MnO) เมื่อเติมในดินจื่อหนีทำให้สีออกม่วงที่ดูสดสวยมากขึ้น โครเมียมออกไซด์(Cr2O3) เป็นผงสีเขียว
ปั้นจื่อซาผสมโลหะออกไซด์กับปั้นเคมีเป็นคนละแนวความคิด วัตถุดิบของปั้นเคมีมิใช่ดินจื่อซาแท้จริงจากธรรมชาติ เป็นดินที่ทำปลอมแปลงดินจื่อซาโดยผสมสารเคมีปรุงแต่งสีขึ้นมา ส่วนใหญ่เพื่อสามารถทำการผลิตได้ในปริมาณมาก ต้นทุนต่ำ อาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
การที่ระบุว่า ปั้นจื่อซาที่มีการผสมสารโลหะออกไซด์เช่นโคบอลต์ออกไซด์จะถือเป็น “ปั้นเคมี” ที่มีพิษก็จะเป็นการกล่าวที่ขาดการไตร่ตรองไปสักหน่อย เนื่องจากสารโลหะเหล่านี้มีจุดหลอมเหลวที่สูงมาก และก็ทนต่อสภาพที่ปั้นจื่อซาถูกเผาผนึกที่อุณหภูมิ 1200ºC หลังผ่านการเผาผลิตเสร็จแล้วก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างของเนื้อดิน แล้วจะละลายออกมาอยู่ในน้ำชาที่ไม่ถึงร้อยองศาได้อย่างไรเล่า? “สารโลหะ” เหล่านี้ในเมื่อไม่ละลายอยู่ในน้ำชาแล้วใยจะเข้าสู่ในร่างกายได้เล่า? เมื่อไม่เข้าสู่ในร่างกายแล้วจะมีผลเป็นพิษต่อคนได้ยังไง?
อันที่จริง ในการผลิตเครื่องเคลือบลายครามก็จะใช้ผงสีโคบอลต์ออกไซด์ในการเขียนสีลายคราม ในชั้นเคลือบใสจะมีสารนิกเกิล ในน้ำเคลือบสีขาวก็จะมีสารตะกั่ว ถ้าหากสารโลหะเหล่านี้สามารถเข้าสู่ในร่างกายได้แล้วไซร้ ถ้าเช่นนั้นเครื่องเคลือบดินเผาที่มีชั้นผิวเคลือบก็เป็นอุปกรณ์ภาชนะที่มีพิษใช่หรือไม่?
เอกสารอ้างอิง :
1. 你的壶是化工壶吗? : http://www.360doc.cn/article/17976275_619536142.html
2. 民国绿是一款什么样的紫砂泥料? : https://kuaibao.qq.com/s/20200526A0PYII00?refer=spider
3. 假的紫砂壶有毒吗? : http://www.lyspdl.com/index.php/post/3397.html
เยี่ยมเลยครับอาจารย์
ตอบลบ