ไม่ว่าบุคคลใดๆมิใช่ผ่านการเสียเวลาและกำลังกายแบบง่ายๆแล้วสามารถสืบเสาะสู่เบื้องบนได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในสังคมพวกเราจะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ที่มีการตระหนักรับรู้ในขั้นสูง
ทุกคนดูเสมือนว่าจะเห็นด้วยกับ"พีระมิดลักษณะสามเหลี่ยมมุมฉาก" ส่วนของยอดพีระมิดจะมีผู้คนจำนวนเล็กน้อย แต่ความเป็นจริงจะมีพื้นที่ที่มีลักษณะบิดเบี้ยวอยู่ในนั้น อาจมีผู้คนจำนวนมากดื่มชามาทั้งชีวิต เสียเวลาและกำลังกายอย่างมากไปฝึกฝน แต่แนวความคิดและรูปแบบของพวกเค้าไม่ถูกต้อง ดื่มโดยไม่สามารถดื่มใบชาลักษณะแบบเบื้องบนได้
ดังนั้น ไม่ว่าเค้าจะเสียเวลาและกำลังกาย(อาจรวมทั้งกำลังทรัพย์)มากมาย แต่เค้าก็เพียงแค่หยุดอยู่ที่เบื้องล่างของเส้นแบ่งนี้
มากล่าวถึงการกระจายตัวของกลุ่มคนดื่มชา เป็นไปได้ว่าเวลานี้มันเข้าใกล้บริบทที่เป็น"สามเหลี่ยมลักษณะเว้าเข้าไป" ยังมีผู้คนจำนวนมากรวมศูนย์อยู่ที่เบื้องล่างของเส้นแบ่งนี้ มีผู้คนเพียงเล็กน้อยที่สามารถสืบเสาะสู่เบื้องบน
นี้จึงเป็นเหตุผลที่ผู้มีอำนาจทางกระแสหลักปัจจุบันก็ได้เพียงแค่ให้บริการแก่ผู้คนที่มีจำนวนมากกว่า การดำรงอยู่ของคนส่วนน้อย เนื่องจากไม่สามารถควบคุมวาทกรรมเชิงอำนาจได้ ไม่มีอิทธิพล และก็ไม่มีช่องทางที่ป่าวร้องได้ ถึงแม้จะป่าวร้องออกมาได้ แต่ก็จะถูกเข้าใจเป็นอภิปรัชญาและขอบเขต ไม่เป็นที่ยอมรับและตอบรับ
แผนภาพสุดท้ายนี้ ขอนิยามว่าเป็น“การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา”
ทำไมถึงกล่าวว่ามันย้อนแย้ง ก็เนื่องจากความรู้ชาร่วมสมัยได้แค่บ่งบอกคุณว่า : การดื่มชาก็คือเครื่องดื่มที่มีรสชาติชนิดหนึ่ง เป็นเพราะมันมีองค์ประกอบของสารประกอบที่สอดคล้องกัน ซึ่งมีคุณลักษณะที่สามารถนำพาสุขภาพที่ดีต่อร่างกายเรา แต่มันไม่สามารถอธิบายได้ถึงการปลูกฝังตนเองที่ชานำพามาให้พวกเรา กระทั่งการตระหนักรับรู้ของลำดับขั้น“พิธีการชา”
“ความรู้สึกทางสรีระ”ในนี้ก็คือการแสดงออกของลำดับขั้น“ร่างกาย” เป็นการแสวงหาของการดื่มชาในลำดับขั้นของร่างกายคนเรา เบื้องล่างใต้เส้นแบ่งเป็นเพียงความต้องการทางอาหาร
และแล้วในพื้นที่ของ“เบิกบานใจ” ก็จะมาถึงการสาธยายของลำดับขั้น“จิตใจ ”
คุณคิดที่จะอธิบาย“การปลูกฝังตนเอง”จากการดื่มชานั้น คุณไม่สามารถอธิบายการแสดงของลำดับขั้น“จิตวิญญาณ” เมื่อคุณอยู่ในขั้นตอน“โดยธรรมชาติ”นี้ล้วนเป็นสิ่ง์ที่ไม่น่าเป็นไปได้เสมอ
ทำไมถึงกล่าวอยู่ตลอดเวลาว่า การดื่มชาคือเครื่องดื่มเชิงจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง มันไม่เพียงสร้างความพึงใจต่อความต้องการทางอาหารของคนเรา เป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติ เกิดผลที่ดีต่อสุขภาพคนเรา ทุกสิ่งอย่างก็เพื่อจุดหมายปลายทางสุดท้ายที่ได้มาโดยบังเอิญก็คือ“โดยธรรมชาติ”
เมื่อคุณสามารถเข้าใจองค์รวมของแผนภาพนี้แล้ว ทำไมถึงเรียกขานมันว่า“การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา”ร่วมสมัย และโดยการยกหนึ่งอย่างให้สามอย่าง
สามารถที่จะกล่าวได้ว่า มี“อุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม”จำนวนมาก ล้วนประสบกับปัญหาเช่นนี้
ทุกคนเคยสังเกตเห็นไหมว่า ขอเพียงเป็นสิ่งที่มีคุณลักษณะเชิงวัฒนธรรมรูปแบบจีนดั้งเดิม อาทิเช่น :
- การเขียนอักษรวิจิตร
- จิตกรรม
- ดนตรี
- การแพทย์แผนจีน (โดยเฉพาะ)
พวกมันล้วนต้องผ่านแผนภาพลักษณะนี้ ใช้ชุดแนวความคิดเช่นนี้ โดยการนำเสนอเส้นแบ่งลักษณะนี้ แล้วมาใช้อธิบาย“อุตสาหกรรมเชิงวัฒนธรรม”ที่ประสบปัญหาเชิงย้อนแย้ง
เอกสารอ้างอิง:
1. 茶产业的矛盾 : http://xhslink.com/o/4U2nyr8TWHc
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น