ความรู้เรื่องชาผูเอ๋อร์ ตอน...
“เล่าเรื่องใหม่”
การลดความดันโลหิตของชาผูเอ๋อร์
ตอนที่ 2/3 : ชา GABA คืออะไร?
ในปี 1987 Dr.Tsushida Tojiro นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นกำลังศึกษาวิจัยการปฏิรูปกรรมวิธีการผลิตชาเขียวอยู่นั้น
ได้ค้นพบว่าเมื่อใบชาสดอยู่ภายใต้สภาวะไม่มีออกซิเจนแล้วจะเกิดสาร GABA เป็นจำนวนมาก
เมื่อนำมาทดลองกับสัตว์ได้ผลยืนยันในการลดความดันโลหิตได้เด่นชัดมาก หลังจากนั้น
นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากได้มาทำการศึกษาวิจัยเพื่อเพิ่มปริมาณ GABA ในใบชาได้อย่างไร ผลลัพธ์ได้เทคโนโลยีและวิธีการอันมีประสิทธิภาพหลายๆวิธีด้วยกัน
ที่กล่าวมาเพื่อจะขอนำเข้าสู่แนวคิดของชา GABA
ชา GABA เรียกรวมในชื่อ Gabaron Tea หมายถึง ใบชาที่ต้องมี GABA ประกอบอยู่ในปริมาณที่สูงอย่างต่ำ 150
mg/100 g ใบชา สมญานามของชา GABA จะแตกต่างจากชาเขียวและชาอูหลง เพราะเป็นชาเพื่อสุขภาพ ในญี่ปุ่นมีการเรียกชื่อต่างๆกัน เช่น
ชาลดความดันโลหิต, Gabalong Tea, ชา γ-ลดความดัน เป็นต้น
การพัฒนาชา GABA เพื่อสรรพคุณในการลดความดันโลหิต ความเป็นจริงจุดเริ่มต้นจากนักวิทยสศาสตร์ชาวสหรัฐ
M.C. Stanton ในปี 1963 ได้ทำการทดลองใช้สาร GABA ฉีดเข้าไปในสัตว์หลายชนิด แล้วตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิต
ผลลัพธ์ : หมา(ปริมาณฉีด 11 µg/kg) และ กระต่าย(ปริมาณฉีด
19 µg/kg) มีความดันโลหิตลดลงเฉลี่ย 20%
นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้อาศัยแนวทางนี้
จากมุมมองทางด้านเภสัชวิทยา(药理学)และโภชนศาสตร์คลินิก(临床营养学)
ได้ค้นพบว่า GABA สามารถทำให้เอนไซม์ Glucose Phosphoesterase (葡萄糖磷酸酯酶)มีฤทธิ์มากขึ้น
สามารถลดความดันโลหิตและลดปริมาณแอมโมเนียในเลือดได้ ดังนั้น
พวกเขาจึงได้ทำการทดลองใหม่ที่โด่งดังต่อมา การทดลองครั้งนี้จะใช้ชา GABA โดยตรงและชาเขียวมาทำการกับหนูทดลอง โดยใช้หนูทดลองเพศผู้ 8 ขวบและมีความดันโลหิตสูงเบื้องต้น
แบ่งหนูทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะไม่ใช้ NaCl(เกลือแกง) ส่วนอีกกลุ่มจะใช้ NaCl เพื่อทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
แล้วแบ่งแยกโดยฉีดของเหลวของชา GABA และชาเขียวทั่วไป หลังผ่านไป 4 สัปดาห์ทำการตรวจเช็คการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิตและองค์ประกอบในน้ำเลือด
ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่า : ชา GABA และชาเขียวทั่วไปทั้งสองสามารถลดความดันโลหิตสูงที่เกิดจาก NaCl
แต่ผลของชา GABA มีมากกว่า คือมีผลในการลดคอเลสเตอรอลในเลือด : ทำให้มีมุมมองใหม่เกิดตามมา คือ ถ้าดื่มชา GABA
เป็นประจำ จะมีผลในการลดความดันโลหิตและบำรุงสุขภาพ ต่อจากนั้นมาถึงปลายทศวรรษที่ 90 นักวิทยาสาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ทำการทดลองทางคลินิกเป็นจำนวนมาก
จนสรุปยืนยันว่า ชา GABA มีผลในการลดความดันโลหิตต่อผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอย่างเด่นชัด
ในขณะเดียวกัน
นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นก็ได้มาทำการศึกษาความเป็นพิษของ GABA ที่มีต่อร่างกาย เพราะว่าสารยาทั่วๆไปจะเกิดผลข้างเคียง
เมื่อผ่านการศึกษาจำนวนมากแล้วยืนยันได้ว่า ผลข้างเคียงของ GABA เป็นผลชั่วคราว จาการตรวจเช็คร่างกายทางคลินิกไม่ปรากฏมีสิ่งผิดปกติใดๆ
เนื่องจากภายในร่างกายมีเส้นทางเมตาบอลิซึมของ GABA ปริมาณของ GABA ที่เกินความต้องการจะไม่เกิดการสะสมภายในร่างกาย
เพราะจะถูกเปลี่ยนเป็นสารที่ไม่อันตรายและไม่เกิดผลข้างเคียง สรุป ชา GABA มีความปลอดภัย
ณ ที่นี้ ขอทำความเข้าก่อนว่า
เทคนิคกรรมวิธีการผลิตชา GABA
ที่ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นมา ไม่ใช่สิ่ง”เร้นลับ(神秘)” ที่แท้ชา GABA และชาเขียวทั่วไปหรือชาอูหลงไม่แตกต่างกันมาก เพียงแค่มี GABA ในปริมาณสูงกว่าอีกหน่อย เมื่อเทีบเคียงกับชาเขียวหรือชาอูหลง
กระบวนการผลิตแบบเดียวกันของชาเขียวหรือชาอูหลงเพียงแต่เพิ่มขั้นตอน”การบ่มใบชาสดภายใต้สภาวะไม่มีก๊าซออกซิเจน(鲜叶厌氧处理)” ชา GABA ที่ผลิตได้จะอยู่ในรูปแบบของ ชาเขียว ชาอูหลง ชาแดง เป็นต้น ชา GABA ยังประกอบด้วยสารทีโพลิฟีนอล คาเฟอีน
และสารอาหารสำคัญๆในปริมาณเช่นเดียวกับใบชาพื้นฐานทั่วไป
ยังไม่หลุดพ้นจากคุณสมบัติเดิมของใบชา
และลักษณะรูปภายนอกก็ไม่แตกต่างจากใบชาทั่วไป
ชา GABA ที่ญี่ปุ่นผลิตขึ้นมาถือเป็นชะตากรรมที่มีมลทิน
เพราะจากการบ่มใบชาสดโดยไม่ใช้ออกซิเจน ทำให้เกิด Fatty Acid Ester (脂肪酸酯)
ที่ทำให้ใบชามีรสกลิ่นแปลกปลอมของเปรี้ยวหวาน ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ
นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นยังสังเกตเห็นว่า ถ้าหากคัดแยกกิ่งก้านของใบชาออกแล้วชา GABA ที่ผลิตได้จะมีปริมาณ GABA ลดลง เพราะ GABA
ส่วนใหญ่จะอยู่ในกิ่งก้านของใบชา
แต่ถ้าใบชามีกิ่งก้านมากก็จะไม่เหมาะกับชาเขียวที่ต้องการความรู้สึกสัมผัสแบบดั้งเดิม
ยังมีอีกจุด
ต้นทุนของการบ่มใบชาสดภายใต้สภาวะไม่มีก๊าซออกซิเจนจะสูงมาก ธุรกิจการผลิตชา GABA ในญี่ปุ่นนิยมใช้วิธีแบบ Anaerobic (嫌气处理) โดย : นำใบชาสดที่เด็ดเก็บมาบรรจุในภาชนะ
อัดก๊าซไนโตรเจนหรือคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปแทนที่อากาศ
หรือใส่ใบชาลงในถุงแล้วดูดอากาศออกแล้วอัดก๊าซไนโตรเจนเข้าไป
ปิดปากถุงให้แน่นสองชั้น แน่นอน พันธุ์ใบชา ฤดูการเด็ดเก็บ
อุณหภูมิความชื้นและเวลาในการบ่มภายใต้สภาวะไม่มีออกซิเจน ล้วนมีผลต่อการผลิตชา GABA ถือเป็นกระบวนการที่ไม่ง่ายดายนัก
เพราะฉะนั้น
วิธีการแบบใหม่เพื่อมาทดแทนก็ปรากฏตัวขึ้นมา คือใช้วิธีการแบบผสม GABA ทางวิศวกรรมชีววิทยามีวิธีการหนี่งที่ใช้ของเหลวมาหมักโดยเชื้อจุลินทรีย์
โดยใช้โปรตีนถั่วเหลือง ผงกรดอะมิโนหรือกรดกลูตาเมตในการเพาะเชื้อ Lactobacillus
(乳酸菌) แล้วนำ GABA
ที่ผลิตได้ไปปรับให้มีความเข้มข้นในระดับที่กำหนดไปผสมในใบชาตอนขั้นตอนการนวดของกระบวนการผลิต
ชา GABA ที่ผลิตได้จากวิธีนี้นอกจากต้นทุนต่ำแล้ว
สามารถรับประกันปริมาณ GABA
ระดัยสูงประกอบอยู่ และจะไม่มีกลิ่นรสชาติแปลกปลอมด้วย
หลายปีมานี้มีบางองค์กรธุรกิจในฮกเกี้ยนและเจ้อเจียงของเมืองจีนได้เริ่มผลิตชา GABA อกกมาจำหน่ายแล้วด้วย
และใช้วิธีการผลิตแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่บังเอิญวิธีนี้กลับกลายเป็นแผลฉกรรจ์ของชา
GABA นี้เป็นสาเหตุชา GABA ในญี่ปุ่นเคยรุ่งเรืองในทศวรรษที่ 80 หลังจากนั้นมา ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาในญี่ปุ่น
และไม่ได้รับการยอมรับจากตลาดยุโรปและสหรัฐเช่นกัน
เพราะการก่อกำเนิดของ GABA จะเกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาต่อแรงกดดัน(应激反应)ของพืช ปฏิกิริยานี้ขึ้นกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยหลัก
เมื่อใบชาถูกบังคับให้อยู่ในภาวะไม่มีออกซิเจน ก็เป็นการเร่งให้เอนไซม์ Peroxidase
(过氧化酶) ในใบชามีฤทธิ์มากขึ้น สารกลุ่มอะมิโนในใบชา เช่น Glutamic Acid (GA ;谷氨酸) และ Aspartic Acid (天冬氨酸) จะมีปริมาณน้อยลงภายใต้ปฏิกิริยาของเอนไซม์จะแปรเปลี่ยนเป็น
GABA นี้เป็นการกำเนิดของ GABA ตามธรรมชาติ
ข้อเท็จจริงเป็นกระบวนการที่จัดเรียงและประกอบรวมตัวไหม่ของสารอาหารในใบชา
แต่เมื่อหลีกเลี่ยงกระบวนการไม่ใช้ออกซิเจน เพียงแค่ใช้วิธีผสม GABA
ผิวเผินดูแล้วเรียบง่ายดีและสามารถสนองตอบความต้องการตามเป้าหมายซึ่งตรวจสอบทางเคมีได้
แต่มันถือเป็นการเติมเต็มจากภายนอก ไม่มีการละลายและสลายของสารประกอบอื่นๆในใบชา
ลักษณะเช่นนี้จึงกล่าวได้ว่า ชา GABA ที่ไม่ผ่านกระบวนการไม่ใช้ออกซิเจน เป็นรอยมลทินจุดหนี่ง
กล่าวให้ถูกต้อง นี้ไม่ถือเป็นชา GABA ก็เหมือนแตงโมที่ไม่มีรสหวานแต่ฉีดน้ำหวานเข้าไป
แม้จะใช้น้ำอ้อยแท้ๆที่แตกต่างจากสารหวานในแตงโม
ยังถือว่า”แตงโมฉีดน้ำหวาน”เป็นสินค้าของปลอม
หมายเหตุ : เดิมตั้งใจว่าจะให้บทความฯนี้จบในตอนที่ ๒ นี้ แต่เนื่องจากเนื้อหายาว
ประกอบกับในการแปลไม่อยากย่อมากจนเนื้อหาใจความไม่ครบถ้วน
และเพื่อแบ่งเนื้อหาเป็นตอนๆเน้นเนื้อหาให้ชัดเจนขึ้น จึงขอแบ่งออกมาอีกตอน คือ
ตอนที่ ๓ : ชาผูเอ๋อร์ คือ ชา GABA ที่บริสุทธิ์ที่สุด เป็นตอนจบ...แน่นอนครับ
(แปล-เรียบเรียง-ย่อ
จากบทความ 《”เล่าเรื่องใหม่” การลดความดันโลหิตของชาผูเอ๋อร์》 ...เขียนโดย เฉินเจี๋ย ปี 2011)
โพสต์นี้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 06 มี.ค. 2558 ลงในเฟสเพจสมาคมผู้รักชาผูเอ่อร์แห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/groups/1465523990337272/
อ่านตอนต่อไป : “เล่าเรื่องใหม่” การลดความดันโลหิตของชาผูเอ๋อร์ (ตอนที่ 3/3)
โพสต์นี้เคยเผยแพร่เมื่อวันที่ 06 มี.ค. 2558 ลงในเฟสเพจสมาคมผู้รักชาผูเอ่อร์แห่งประเทศไทย https://www.facebook.com/groups/1465523990337272/
อ่านตอนต่อไป : “เล่าเรื่องใหม่” การลดความดันโลหิตของชาผูเอ๋อร์ (ตอนที่ 3/3)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น