วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568

กลิ่นระเหย vs กลิ่นซุกซ่อน (3/3)

 



ความแตกต่างระหว่างกลิ่นระเหยและกลิ่นซุกซ่อน


   1) การนิยาม


     • กลิ่นระเหย (ก็เรียกขานว่า “กลิ่นใบชาแห้ง; กลิ่นฝาก้ายหว่าน; กลิ่นจากการดม) :

        - เป็นการบ่งชี้ถึงกลิ่นที่ระเหยออกมาจากใบชาที่ยังไม่ได้สัมผัสกับน้ำ หรือในขณะที่กำลังส้มผัสกับน้ำร้อนช่วงชงชา พวกเราสามารถดมกลิ่นได้โดยตรงโดยผ่านจมูก (การได้กลิ่นด้านหน้าจมูก)


     • กลิ่นซุกซ่อน (ก็เรียกขานว่า “กลิ่นน้ำหอม; กลิ่นน้ำชา) :

        - เป็นการบ่งชี้ถึงสารประกอบกลิ่นในใบชาที่ละลายออกมาอยู่ในน้ำชา เป็นกลิ่นที่รับรู้ได้หลังการดื่มชาเข้าปากผ่านไปทางด้านหลังของโพรงจมูก (การได้กลิ่นด้านหลังจมูก

▲“การได้กลิ่นด้านหน้าจมูก/鼻前嗅觉” และ “การได้กลิ่นด้านหลังจมูก/鼻后嗅觉” 


   2) ความแตกต่าง


     • กลิ่นระเหย :


        > คุณลักษณะเฉพาะของสารประกอบกลิ่น :

          - ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารประกอบกลิ่นที่มีจุดเดือดต่ำ, โมเลกุลขนาดเล็ก, มีฤทธิ์มาก ในสภาวะอุณหภูมิห้องหรือการเพิ่มความร้อนเพียงเล็กน้อยก็จะระเหยออกมาได้ง่าย 

          - สารประกอบกลิ่นจุดเดือดต่ำที่พบเห็นบ่อย : Leaf Alcohol; ประเภทอัลดีไฮด์; บางส่วนของตระกูลเทอร์พีน เป็นต้น พวกมันนำพาชาให้มีกลิ่นดอกไม้ ผลไม้และกลิ่นหญ้าเขียวที่สดใสและฟุ้งกระจาย 


        > ข้อบ่งบอกถึงคุณภาพ :

          - กลิ่นระเหยเป็น“ความประทับใจครั้งแรก”ของคุณภาพใบชา กลิ่นจะบริสุทธิ์, ฟุ้งกระจาย, มีกลิ่นแปลกปลอมหรือไม่ เป็นดัชนีมาตรฐานสำคัญที่บ่งชี้ถึงกรรมวิธีการผลิตและการจัดเก็บใบชาถูกต้องหรือไม่? 

          - สิ่งที่ต้องสนใจว่า เพียงมีกลิ่นระเหยที่เข้มข้น มิใช่ว่าจะเป็นตัวแทนของน้ำชาที่ดื่มดี มีชาบางตัวสามารถเพิ่มกลิ่นระเหยได้โดยใช้กรรมวิธีการผลิต แต่ถ้าหากมีสารองค์ประกอบไม่เพียงพอ กลิ่นซุกซ่อนก็จะอ่อน นำไปสู่ภาวะ “ดมแล้วหอม ดื่มไร้รส


     • กลิ่นซุกซ่อน :


        > คุณลักษณะเฉพาะของสารประกอบกลิ่น :

          - ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารประกอบกลิ่นที่มีจุดเดือดสูง, โมเลกุลขนาดใหญ่, ระเหยได้ยาก ต้องอาศัยอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงจึงจะสามารถปลดปล่อยออกมา แล้วก็สามารถละลายได้ในน้ำค่อนข้างดี

          - สารประกอบกลิ่นจุดเดือดสูงที่พบเห็นบ่อย : Phenylethanol (กลิ่นกุหลาบ); Geraniol (กลิ่นดอกไม้หวาน); Pyrazines (กลิ่นปิ้งไฟ) เป็นต้น พวกมันประกอบขึ้นเป็นกลิ่นหอมของน้ำชาที่มีความลึกซึ้ง, ความหนา, และความคงทน


        > ข้อบ่งบอกถึงคุณภาพ :

          - กลิ่นซุกซ่อนเป็นดัชนีชี้วัดสำคัญที่บ่งชี้ว่าสารองค์ประกอบในใบชามีครบบริบูรณ์หรือไม่ ชาที่ดีตัวหนึ่ง ซึ่งกลิ่นมิใช่ต้องล่องลอยอยู่บนผิวน้ำ ยิ่งต้องหลอมเข้าไปอยู่ในน้ำชา

          - ไม่ว่าจะเป็น “กลิ่นซึมซับ/香入水”; “กลิ่นซุกซ่อน/水含香”; “กลิ่นซ่อนเร้น/水生香” ล้วนเป็นศัพท์เฉพาะที่ถูกใช้บ่อยในการอธิบายใบชาที่มีคุณภาพสูง มันหมายความว่า ใบชามิเพียงแค่มีกลิ่นที่ระเหยได้ง่าย ยิ่งต้องประกอบด้วยสารประกอบกลิ่นจุดเดือดสูงและสามารถละลายได้ในน้ำอย่างเพียงพอ 

▲สารประกอบกลิ่น : “กลิ่นระเหย/水飘香”--จุดเดือดต่ำ, ระเหยเร็ว, ได้กลิ่นด้านหน้าจมูก ; “กลิ่นซุกซ่อน/水含香”--จุดเดือดสูง, ระเหยช้า, ได้กลิ่นด้านหลังจมูก
 

   3) กลิ่นหอมต้องอาศัยการดมจึงจะได้กลิ่น?


        กลิ่นมิใช่ว่าเข้าปากแล้วก็จะได้กลิ่นโดยทันที ทั่วๆไปแล้วมันจะปรากฏบนสมองมักล่าช้าไปหนึ่งก้าว


        เมื่อคุณดื่มชาหนึ่งคำ โมเลกุลกลิ่นหอมมิใช่เข้าไปในจมูกสู่ระบบการรับกลิ่นโดยทันที แต่ต้องผ่านกระบวนการเคี้ยว, การทำให้ปั่นป่วน, ความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้น, การย่อยสลายเป็นต้น หลังผ่านช่วงบนของโพรงปากไปยังหลังโพรงจมูก แล้วจึงถูกระบบการรับกลิ่นดักจับได้ 

        งั้นหมายความว่า : 

         @ กลิ่นบางชนิดต้องค่อยช่วงขณะ“เคี้ยว”จึงจะปรากฏออกมา; 

         @ มิใช่ว่ากลิ่นอ่อน เพียงปลดปล่อยล่าช้า


        น้ำชาที่ดีเด่นโดยทั่วไปจะไม่โปร่งใส ไม่บางเบา เนื่องจากประกอบด้วยสารกลุ่มพอลิแซ็กคาไรด์, โปรตีน, สารสีน้ำตาล (Theabrownins) เป็นต้นที่เป็นสารประกอบที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่

        โมเลกุลใหญ่เหล่านี้ไม่เพียงก่อให้น้ำชามีความหนืดลื่น สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ :

        - พวกมัน“ห่อหุ้ม”โมเลกุลกลิ่นหอมไว้ ก่อเกิดเป็นโครงสร้างการปลดปล่อยอย่างช้าๆ ทำให้กลิ่นหอมค่อยๆถูกปลดปล่อยออกมาจากลำคอ (บางครั้งอาจเกิด“ความรู้สึกเย็นชื่น/清凉感”) อาฟเตอร์เทสจะยิ่งมีมิติ ยิ่งทนนาน


        นี่ก็คือเหตุผลทำไมบรรดาเหยียนฉา, ตานฉง, ตงฟางเหมยเหยิน, ชาดิบผูเอ่อร์, ชาขาวเข็มเงิน, ที่เกรดสูงจำนวนมากล้วนมีกลิ่นอาฟเตอร์เทสที่ทำให้ผู้คนตกตะลึง 

▲กระบวนการได้กลิ่นด้านหลังจมูก
 

 

  4) ระบบรับกลิ่น


       • Orthonasal Olfaction -- กลิ่นระเหย :

          - การรับกลิ่นที่มาจากภายนอกผ่านรูจมูก เช่น การนำจอกชาเข้ามาใกล้จมูกแล้วสูดดมกลิ่นทันที

          - การรับกลิ่นแบบนี้จะชัดเจน, โดยตรง, แยกแยะออกได้ง่าย


       • Retronasal Olfaction -- กลิ่นซุกซ่อน :

          - การรับกลิ่นที่มาจากภายในช่องปากขณะที่กำลังกินอาหารหรือดื่ม โดยโมเลกุลของกลิ่นจะลอยขึ้นจากในปากผ่านทางด้านหลังของลำคอไปยังเยื่อบุโพรงจมูก ทำให้สมองรับรู้เป็น“กลิ่น”ของอาหาร

          - การรับกลิ่นแบบนี้จะละมุ่น ล่าช้า ความรู้สึกลำดับขั้นที่แรง 

          - การรับกลิ่นแบบนี้ร่วมกับการรับรู้รสชาติพื้นฐาน(หวาน, เค็ม, เปรี้ยว, ขม, อูมามิ) ก่อให้เกิดความเข้าใจเรื่อง“รสชาติ (Flavor)”โดยรวม

          - สุดท้ายถูกความทรงจำ, อารมณ์, ประสบการณ์, ร่วมกันก่อเกิดโครงสร้างของ “คาแรคเตอร์” 

▲ระบบรับกลิ่น 2 เส้นทาง : Orthonasal และ Retronasal 


   5) สรุปและเปรียบเทียบ


        กลิ่นละเหย : ก็เหมื็อนกลิ่นที่เปิดฝาขวดน้ำหอม คุณจะสามารถดมกลิ่นที่มันลอยเข้ามาตรงหน้าได้ทันที เป็น“กลิ่นแรก”ที่ฟุ้งกระจาย---นี่เป็นตัวแทนทางความประทับใจแรกพบและแรงดึงดูดของใบชา


        กลิ่นซุกซ่อน : ก็เหมือนน้ำหอมที่ป้ายลงบนผิวหนังเพียงเล็กน้อย เป็นไปตามอุณหภูมิร่างกาย มันจะแพร่“กลิ่นกลาง”และ“กลิ่นฐาน”ที่ลึกซึ้งเต็มเปี่ยมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ---นี่เป็นตัวแทนทางความนัยที่ลึกซึ้งและความคงทนของใบชา

▲ปิรามิดน้ำหอม : กลิ่นแรก/Top Notes ; กลิ่นกลาง/Middle Notes ; กลิ่นฐาน/Base Notes 


        ใบชาที่สุดยอดตัวหนึ่ง ทั่วๆไปจะผสมผสานที่สมบูรณ์แบบของกลิ่นระเหยกับกลิ่นซุกซ่อน :

        - กลิ่นระเหยที่สะอาคและฟุ้งกระจาย จะดึงดูดให้คุณมาชิมชา

        - กลิ่นซุกซ่อนที่เต็มเปี่ยมและคงทน จะนำพาคุณหวนนึกถึงรสที่ตราตรึง ทำให้รู้สึกว่าชาจอกนี้“มีเนื้อหา”สมคุณค่า


Everything has its own odor, which is its soul — tree, flower, soil, rain, burning wood.

                                                                                             — Helen Keller



เอกสารอ้างอิง:

1. 水飘香与水含香http://xhslink.com/o/5bD72volSv6

2. 香气真的是靠闻,得到的吗?http://xhslink.com/o/6eH271JXQY4

3. 人类的嗅觉体验https://share.google/jj1qYn2F8WYjRKIqT

4. สรุปองค์รวมของกลิ่นชา : https://puerthaiblog.blogspot.com/2020/07/blog-post_6.html

5. 5 ระดับของกลิ่นชา : https://puerthaiblog.blogspot.com/2019/03/5.html

กลิ่นระเหย vs กลิ่นซุกซ่อน (2/3)

 


การชิมชาและความรู้สึก


        การชิมชาเป็นพฤติกรรมหนึ่งเชิงสุนทรียภาพที่มีต่อชา พฤติกรรมนี้ไม่เพียงต้องการอวัยวะรับความรู้สึกพื้นฐาน(ตา จมูก ลิ้น หู ผิวหนัง เรียกว่า“ประสาทสัมผัสทั้ง 5”)มารับรู้ความรู้สึก

        ความสุนทรียภาพที่เหนือระดับขึ้นไปอีก ที่ต้องการอาศัยภาวะ“การรับรู้ข้ามประสาท” (Synesthesia); “ความรู้สึก” (Feeling-ทั้งทางกายหรือจิตใจ); “การรู้สึกโดยองค์รวมแห่งความดื่มด่ำ

▲“ประสาทสัมผัสทั้ง 5/基础五感” และ “การรู้สึกโดยรวมขั้นสูง/高阶综合感觉” 


     • การมองเห็น (Sight) -- สี


        จุดสำคัญคือสีของใบชาแห้ง สีน้ำชา สีกากชา

        หลักการมองเห็นสีเกิดจากการที่แสงตกกระทบกับวัตถุ วัตถุดูดกลืนแสงบางสีและสะท้อนแสงบางสีออกมา จากนั้นแสงที่สะท้อนมาจะเข้าสู่ดวงตา เซลล์ประสาทรับแสงรูปกรวย (cone cells) ซึ่งอยู่ในจอประสาทตาจะรับแสงนั้นและส่งสัญญาณไปประมวลผลที่สมอง ทำให้เราสามารถมองเห็นสีของวัตถุนั้นได้

▲การมองเห็น/视觉


     • การดมกลิ่น (Smell) -- กลิ่น


        จุดสำคัญคือกลิ่นของใบชาแห้ง กลิ่นเปียก(กลิ่นฝาก้ายหว่าน กลิ่นน้ำชา); กลิ่นก้นถ้วย

        หลักการดมกลิ่นคือการที่โมเลกุลของสารที่มีกลิ่นระเหยเข้าสู่จมูกและสัมผัสกับเซลล์ประสาทรับกลิ่น (olfactory receptor cells) บริเวณเยื่อบุจมูก จากนั้นเซลล์ประสาทจะส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาทสมองคู่ที่ 1 (olfactory tract) ไปยังป่องรับกลิ่น (olfactory bulb) ในสมอง สมองจะประมวลผลสัญญาณนี้ โดยตีความว่าเป็นกลิ่นอะไร และสร้างการตอบสนอง ทั้งปฏิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติและความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับกลิ่นนั้น ๆ 

▲การดมกลิ่น/嗅觉


     • การรับรส (Taste) -- รส


        จุดสำคัญคือรสชาติของชา

        หลักการรับรสคือการที่สารเคมีในอาหารทำปฏิกิริยากับเซลล์รับรสบนลิ้น ซึ่งส่งสัญญาณประสาทไปยังสมองเพื่อระบุรสชาติหลัก 5 รส ได้แก่ หวาน เค็ม เปรี้ยว ขม และอูมามิ การรับรสจะซับซ้อนกว่านั้น โดยต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของปัจจัยอื่น ๆ เช่น กลิ่น อุณหภูมิ และพื้นผิวสัมผัสของอาหาร เพื่อให้สมองประมวลผลเป็นรสชาติที่สมบูรณ์ 

▲การรับรส/味觉
 

     • การได้ยิน (Hearing) -- เสียง


        จุดสำคัญคือเสียงของการเติมใบชา (โดยทั่วไปใช้ในการตัดสินความแข็งอ่อนของใบเส้นชาวูหลง)

        หลักการได้ยินคือกระบวนการที่คลื่นเสียงเดินทางจากหูชั้นนอกผ่านการสั่นสะเทือนที่แก้วหูและกระดูกหู 3 ชิ้น (ค้อน, ทั่ง, โกลน) ในหูชั้นกลาง ไปยังอวัยวะรูปหอยโข่ง (cochlea) ในหูชั้นใน ซึ่งจะแปลงพลังงานจากการสั่นสะเทือนให้เป็นสัญญาณไฟฟ้า จากนั้นส่งผ่านเส้นประสาทหูไปยังสมองเพื่อประมวลผลให้รับรู้เป็นเสียง 

▲การได้ยิน/听觉


     • การสัมผัส (Touch) -- สัมผัส


        หลักการสัมผัสด้านประสาทสัมผัสคือ การรับรู้สิ่งต่างๆ ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 (การมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น การลิ้มรส และการสัมผัส) ซึ่งอาศัยการทำงานร่วมกันของอวัยวะรับความรู้สึก (ตา หู จมูก ลิ้น ผิวหนัง) และเซลล์ประสาทเพื่อส่งข้อมูลไปประมวลผลที่สมอง ทำให้มนุษย์เข้าใจและรับรู้โลกรอบตัวได้  

▲การสัมผัส/触觉


     • การรับรู้ข้ามประสาท (Synesthesia) -- ภาวะ


        คือ สภาวะทางสมองที่ทำให้การรับรู้ประสาทสัมผัสตั้งแต่สองอย่างขึ้นไปเกิดขึ้นพร้อมกันโดยอัตโนมัติ เช่น การได้ยินเสียงเพลงแล้วเห็นเป็นสี (Chromesthesia) หรือการเห็นตัวอักษรเป็นสี (Grapheme-color synesthesia) เป็นลักษณะพิเศษที่ไม่ใช่โรคหรืออาการป่วย 

▲การรับรู้ข้ามประสาท/通感  
 

     • ความรู้สึก (Feeling) -- ชี่


        คือฉาชี่ (สามารถเข้าใจเป็นพลังงานของชา) 

        สารอาหารธัญพืชในชาที่ถูก“ม้ามและกระเพาะอาหาร/脾胃”ทำการย่อยและดูดซึมอาหาร แล้วลำเลียงอาหารไปยัง“กลางลำตัว/中焦” ต่อจากนั้นบางส่วนเข้าไปใน“เส้นลมปราณ/经脉” บางส่วนออกสู่นอกเส้นลมปราณ เกิดการไหลเวียนของ“ชี่”(พลังงานชีวิต)และเลือด เพื่อหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย ก่อเกิดเป็นความรู้สึกในร่างกายมนุษย์ 

▲ความรู้สึก/体感


     • ความรู้สึกองค์รวมแห่งความดื่มด่ำ -- ความดื่มด่ำ


        - ความดื่มด่ำแห่ง : “เหยียนฉา/岩韵”; “เถี่ยกวนอิน/铁韵”; “ดอยสูง/高山韵”; “ตานฉง/丛韵”; “ความเก่า/陈韵”; ฯลฯ

        - ที่เรียกขานเป็น“ความดื่มด่ำ/” ถือเป็นสุนทรียภาพสไตล์จีน คือเป็นการร่วมกันของสุนทรียศาสตร์(สาขาหนึ่งของปรัชญา)กับจิตวิทยา 

▲ความรู้สึกองค์รวมแห่งความดื่มด่ำ/综合韵感



เอกสารอ้างอิง:

1. 品茶与感觉http://xhslink.com/o/7flH1nHHAY2

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568

กลิ่นระเหย vs กลิ่นซุกซ่อน (1/3)

 


สารประกอบกลิ่นในใบชามีอะไรบ้าง?


     “ทำไมล้วนเป็นใบชาเหมือนกัน แต่ถึงทำออกมาได้กลิ่นหอมหลากหลายชนิดมาก? ของที่อยู่ในใบชามีจำนวนมากมายเช่นนี้เชียวหรือ?”

     นี้เป็นคำถามที่ดี แต่จะให้ตอบอย่างละเอียดแล้วละก็...ยาก ยากมาก!! อย่างน้อยก็คงต้องออกมาเป็นวิทยานิพนท์ระดับด็อกเตอร์หลายเล่ม?


1) คุณลักษณะเฉพาะของสารประกอบกลิ่นในใบชา


        • “สารประกอบกลิ่น”ในใบชาก็เรียกขานกันว่า“สารกลิ่นระเหย (VOCs)” เป็นชื่อเรียกรวมของสารหอมที่ระเหยได้ง่ายในใบชา กลิ่นหอมใบชาเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการกำหนดคุณภาพของใบชา

         - ที่กล่าวกันว่ากลิ่นชาไม่เหมือนกัน ความจริงก็คือองค์ประกอบของสารประกอบกลิ่นที่ไม่เหมือนกันในความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ทำให้ปรากฏคาแรคเตอร์ของกลิ่นในรูปแบบต่างๆกัน แม้นจะเป็นสารประกอบกลิ่นชนิดเดียวกัน ถ้าความเข้มข้นต่างกัน รูปแบบของกลิ่นที่ปรากฏจากการดมก็ไม่เหมือนกัน


        • สารประกอบกลิ่นในใบชาหลักใหญ่แยกออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ :

          - สารประกอบกลิ่นที่มีจุดเดือดกลางต่ำ อย่างเช่น Leaf Alcohol ที่มีกลิ่น“เขียว”แรง เหมาฉาตากแห้งจากขั้นตอนการฆ่าเขียวที่ไม่เพียงพอ ทั่วๆไปจะมีกลิ่นหญ้าเขียว

          - สารประกอบกลิ่นที่มีจุดเดือดสูง อย่างเช่น Benzyl Alcohol; Jasmone; Linalool เป็นต้นที่ล้วนเพียบพร้อมด้วยกลิ่นดอกไม้ที่หอมดี 

        จุดสำคัญพวกมันก่อเกิดจากการนำใบชาสดมาดำเนินการผลิต ดังนั้น กรรมวิธีการผลิตคือกุญแจสำคัญที่ก่อเกิดกลิ่นหอมที่ดีของใบชา


        • เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ง่าย : 

          - สารประกอบกลิ่นในใบชาบางส่วนประกอบขึ้นมาในกระบวนการเจริญเติบโตของใบชาสด

          - สารประกอบกลิ่นในใบชาบางส่วนก่อเกิดขึ้นมาในกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นกระบวนการที่ความร้อน ความชื้น เกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กรรมวิธีการผลิตที่ไม่เหมือนกัน ก่อเกิดสารประกอบกลิ่นที่แตกต่างกัน 

▲การลำดับจุดเดือดจากต่ำถึงสูงที่สอดคล้องกับรูปแบบกลิ่นของใบชา 


2) ลักษณะพิเศษของสารประกอบกลิ่นในใบชา


        • สารประกอบกลิ่นในใบชาเป็น“ของผสม (Mixture)”ที่มีองค์ประกอบมากมายที่แตกต่างกัน


        • สารประกอบกลิ่นภายใต้อุหภูมิห้อง ส่วนใหญ่อยู่ในสถานะของเหลวที่มีลักษณะเป็นน้ำมัน (Oily Liquid) ไม่มีสีหรือเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ส่วนมากจะมีกลิ่นหอม(หรือกลิ่นที่โดดเด่น) ระเหยได้ง่าย  


        • สารประกอบกลิ่นละลายได้ในสารละลายอินทรีย์ต่างๆได้ง่าย เช่นเอทานอล แต่สามารถละลายได้ในน้ำได้น้อย


        • จุดเดือดของสารประกอบกลิ่นภายใต้ความดันอากาศปกติ โดยทั่วไประหว่าง 70°C-300°C ความหนาแน่นจะแตกต่างกันมาก ในสภาวะทั่วไปจะเบากว่าน้ำ


        • สารประกอบกลิ่นมีความอ่อนไหวต่อแสง, ความร้อน, ออกซิเจนเป็นอย่างมาก เกิดการออกซฺิไดซ์หรือเปลี่ยนแปลงเป็นสารอื่นได้ง่าย แล้วสูญเสียกลิ่นหอมไป


        • แม้ใบชาจะหอม แต่ปริมาณของสารประกอบกลิ่นมีน้อยมากๆ โดยทั่วไปมีเพียงประมาณ 0.02% ของน้ำหนักใบชาแห้ง แต่เมื่อหลังนำองค์ประกอบของกลิ่นออกไป ชาก็จะไม่มีรสชา ดังนั้นสารประกอบกลิ่นของชามีผลต่อการก่อเกิดคุณภาพของใบชาที่มีนัยสำคัญมาก


        • สารประกอบกลิ่นในใบชามีหลากหลายชนิดมาก ตราบจนถึงทุกวันนี้ที่ได้ค้นพบและรับรองแล้วมีอยู่ประมาณ 700 ชนิด


        • สารประกอบกลิ่นในใบชาสดมีค่อนข้างน้อย มีอยู่เพียงประมาณ 80 ชนิด ดังนั้น กลิ่นหอมโดยหลักใหญ่ก่อเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต สารประกอบกลิ่นใน : ชาเขียว มีอยู่ประมาณ 260 ชนิด; ชาแดง มีอยู่กว่า 400 ชนิด; ชาวูหลง มีมากว่า 500 ชนิด  


        • ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อกลิ่นหอมของใบชาคือ : พันธุ์ต้นชา, สภาพระบบนิเวศ, ฤดูกาล, มาตรฐานการเด็ดเก็บ, กรรมวิธีการผลิตเป็นต้น ก่อให้เกิด “กลิ่นหอมสายพันธุ์”; “กลิ่นหอมท้องถิ่น”; “กลิ่นหอมผลิต” ตามที่ได้กล่าวขานกัน


        • ในขั้นตอนการฆ่าเขียวของใบชา เป็นไปตามไอน้ำที่ระเหยเป็นจำนวนมาก ได้นำพาสารประกอบกลิ่นที่มีจุดเดือดต่ำออกไปเป็นจำนวนมาก(อย่างเช่น Leaf Alcohol ที่มีจุดเดือด 157°C เป็นองค์ประกอบอยู่ 60% ของสารประกอบกลิ่นในใบชาสด) ณ เวลานี้สารประกอบกลิ่นที่มีจุดเดือดสูงจึงสามารถปรากฏตัวออกมา 

▲รูปแบบกลิ่นและสารประกอบกลิ่นที่สำคัญของกลุ่มชา 5 ประเภทใหญ่


3) ประเภทและชนิดของสารประกอบกลิ่นในใบชา


        ล่าสุดไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้ทำการศึกษาวิจัยส่วนประกอบของกลิ่นหอมใบชาสู่ในระดับขั้นสูง โดยผ่านการวิเคราะห์ทางเคมีโดยใช้เทคนิค Gas Chromatography-Mass Spectrometry (CG-MS); องค์ประกอบของสารประกอบกลิ่นในใบชาครอบคลุมถึง 11 ประเภท :  


        (๑) ประเภทแอลกอฮอล์ (Alcohol/醇类)


            • ตระกูลไขมัน (Aliphatic)

              - Leaf Alcohol/青叶醇 : จุดเดือด 157°C ; เข้มข้นสูงมีกลิ่นเหม็ฺนเขียว เข้มข้นต่ำมีกลิ่นสดใส 

▲Cis-3-Hexenol/顺-3-己烯醇 | Trans-3-Hexen-1-ol/反-3-己烯醇


            • ตระกูลแอโรมาติก (Aromatic)

              - Benzyl Alcohol : จุดเดือด 205°C ; มีกลิ่นแอปเปิลอ่อนๆ ดำรงอยู่ในใบชาสดและชาชนิดอื่นๆ

              - Phenylethanol : จุดเดือด 220°C ; มีกลิ่นกุหลาบ

              - Phenylpropanol : จุดเดือด 217-228°C ; มีกลิ่นเสมือนดอกนาซิสซัส 

▲Benzyl Alcohol/苯甲醇 | Phenylethanol/苯乙醇  | Phenylpropanol/苯丙醇


            • ตระกูลเทอร์พีน (Terpene)

              - Linalool : จุดเดือด 199-200°C ; มีกลิ่นดอกลิลีหรือกล้วยไม้ เป็นสารประกอบกลิ่นตัวหนึ่งที่ประกอบอยู่ในใบชาในปริมาณที่ค่อนข้างสูง

              - Geraniol : จุดเดือด 199-230°C ; มีกลิ่นกุหลาบ เป็นสารประกอบกลิ่นตัวหนึ่งที่ประกอบอยู่ในใบชาในปริมาณที่ค่อนข้างสูง

              - Nerol : จุดเดือด 225-226°C ; มีกลิ่นเสมือนชนิด Geraniol มีกลิ่นกุหลาบที่ละมุ่น

              - Vanillyl Alcohol : จุดเดือด 224-225°C ; มีกลิ่นเสมือนชนิด Geraniol มีกลิ่นกุหลาบที่ละมุ่น

              - Nerolidol : จุดเดือด 276°C ; มีกลิ่นรากไม้โกฐกระดูก ดอกพวงร้อยและกลิ่นดื่มด่ำของผลไม้เสาวรส มีกลิ่นกุหลาบที่ละมุ่น เป็นองค์ประกอบกลิ่นที่สำคัญของใบชา 

▲Linalool/芳樟醇 | Geraniol/香叶醇  | Nerol/橙花醇 | Vanillyl Alcohol/香草醇


        (๒) ประเภทอัลดีไฮด์ (Aldehydes/醛类)


             • ตระกูลไขมัน (Aliphatic)

               สารประกอบกลิ่นประเภทอัลดีไฮด์เกรดต่ำจะมีกลิ่นที่แสบจมูกมาก เป็นไปตามโมเลกุลที่ขนาดใหญ่ขึ้นแรงกระตุ้นก็จะอ่อนลง ค่อยๆปรากฏกลิ่นหอมที่สดชื่น 

▲สารประกอบกลิ่นตระกูลไขมันประเภทอัลดีไฮด์ที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในใบชา


             • ตระกูลแอโรมาติก (Aromatic)

              - Benzyldehyde/苯甲醛 : จุดเดือด 179°C ; มีกลิ่นเมล็ดแอปริคอทที่มีรสขม            

              - Cinnamaldehyde/肉桂醛 : จุดเดือด 252°C ; มีกลิ่นโย่วกุ้ย

 

             • ตระกูลเทอร์พีน (Terpene)

              - Neral : จุดเดือด 228-229°C ; มีกลิ่นมะนาวที่เข้มหนา            

              - Geranial : คือ cis-trans-isomer ของ Neral

              - Vanillin : จุดเดือด 224-225°C ; มีกลิ่นเสมือนชนิด Geraniol มีกลิ่นกุหลาบที่ละมุ่น 

▲Neral/橙花醛 | Geranial/香叶醛 | Vanillin/香草醛 | Menthol/薄荷醇


        (๓) ประเภทคีโตน (Ketones/酮类)


              - Acetophenone : จุดเดือด 202°C ; มีกลิ่นเมล็ดแอปริคอทที่มีรสขม            

              - β-Ionone : จุดเดือด 239°C ; มีกลิ่นดอกโฮรีสต็อก

               - α-Ionone : จุดเดือด 237°C ; เป็นสารจากการสลายตัวของ β-Ionone            

               - Jasmone : จุดเดือด 257-258°C ; ไม่สามารถละลายได้ในน้ำ ละลายได้ในสารละลายอินทรีย์; มีกลิ่นดอกมะลิที่สดชื่น ประกอบอยู่ในใบชาในปริมาณที่ค่อนข้างสูง

               - Acorenone : จุดเดือด 125-135°C ; มีกลิ่นผลไม้แห้ง 

▲(บน) : Acetophenone/苯乙酮 | α-Ionone/α-紫罗兰酮  | β-Ionone/β-紫罗兰酮
      (ล่าง) : Jasmone/茉莉酮 | Cis-Acorenone/顺-茶缧烯酮  | Trans-Acorenone/反-茶缧烯酮


        (๔) ประเภทกรดคาร์บอกซิลิก (Carboxylic Acid/羧酸类)


               เป็นองค์ประกอบในใบชาสดในปริมาณน้อย แต่ประกอบอยู่ในผลิตภัณฑ์ใบชาที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วในปริมาณที่เพิ่มสูงขึ้น ก่อเกิดสีแดง เป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่ทำให้ชาแดง-ชาเขียวแตกต่างกัน

▲สารประกอบกลิ่น Carboxylic Acid/羧酸类ที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในใบชา


        (๕) ประเภทเอสเทอร์ (Ester/酯类)


            • ตระกูลเทอร์พีน (Terpene)G

              - Geranyl Acetate : จุดเดือด 242-245°C ; มีกลิ่นกุหลาบ

              - Vanillyl Acetate : จุดเดือด 170°C ; มีกลิ่นน้ำมันมะกรูดฝรั่งที่เข้มแรง

              - Linalyl Acetate : จุดเดือด 220°C ; มีกลิ่นมะนาว

              - Neryl Acetate : จุดเดือด 134°C ; มีกลิ่นกุหลาบ 

▲Geranyl Acetate/醋酸香叶酯 | Vanillyl Acetate/醋酸香草酯  | Linalyl Acetate/醋酸芳樟酯 | Neryl Acetate/醋酸橙花酯


            • ตระกูลแอโรมาติก (Aromatic)

              - Benzyl PhenylAcetate : จุดเดือด 205°C ; มีกลิ่นแอปเปิลอ่อนๆ ดำรงอยู่ในใบชาสดและชาชนิดอื่นๆ

              - Methyl Salicylate : จุดเดือด 224°C ; มีกลิ่นน้ำมันระกำที่เข้มข้น

              - Methyl Anthranilate : จุดเดือด 130-134°C ; มีกลิ่นดอกส้ม 

▲Benzyl PhenylAcetate/醋酸苯甲酯 | Methyl Salicylate/水杨酸甲酯  | Methyl Anthranilate/邻氨基苯甲酸甲酯 


        (๖) ประเภทแล็กโตน (Lactones/内酯类)


              - Jasmine Lactone : ไม่สามารถละลายได้ในน้ำ ละลายได้ในเอทานอล ; มีกลิ่นดอกมะลิ            

              - Dihydroactinidilide : มีกลิ่นผลไม้เนคทารีน 

▲Jasmine Lactone/茉莉內酯 | Dihydroactinidilide/二氢海癸内酯


        (๗) ประเภทกรด (Acids/酸类)


               ประกอบอยู่ในใบชาสดในปริมาณไม่มาก ประกอบอยู่ในใบชาที่ผ่านการผลิตแล้วจะสูงกว่าใบชาสด ส่วนใหญ่เป็นกรดไขมัน 

▲cis-3-Hexenoic acid/顺-3-己烯酸 | Salicylic Acid/水杨酸


        (๘) ประเภทฟีนอลส์ (Phenols/酚类)


               ส่วนใหญ่เป็นสารฟีนอลส์และสารอนุพันธ์ 

▲2-Ethylphenol/2-乙基苯酚 | 4-Ethylguaiacol/4-乙基愈创木酚  | Eugenol/丁香酚 | Thymol/麝香草酚


        (๙) ประเภทสารประกอบเฮเทอโรไซคลิก (Heterocyclic Compound/杂环类)

▲2-Ethylfuran/2-乙基呋喃 | Anisole/茴香醚  | Anethole/茴香脑 | (Methylthio)acetaldehyde dimethyl acetal/1,1-二甲氧基噻乙烷


        (๑๐) ประเภทสารประกอบกำมะถัน (Organosulfur Compounds/含硫化合物)


                - Dimethyl Sulfide : มีกลิ่นสดใส ; เป็นองค์ประกอบอยู่ในชาเขียวในปริมาณสูง และดำรงอยู่ในชาแดง เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของกลิ่นใหม่ของชาเขียว            

                - Benzothiazole : เป็นกลิ่นคั่วไฟ 

▲Dimethyl Sulfide/二甲硫 | Thiophene/噻吩  | 2,5-Dimethylthiazole/2,5-二甲基噻唑 | Benzothiazole/苯并噻唑


        (๑๑) ประเภทสารประกอบไนโตรเจน (Nitrogen Compounds/含氮化合物)


                 เป็นองค์ประกอบของกลิ่นคั่วไฟที่ก่อเกิดขึ้นจากการที่ใบชาผ่านการดำเนินการโดยความร้อน 

▲2,5-Dimethylpyrazine/2,5-二甲基吡嗪 | pyrrole-2-carboxaldehyde/2-甲酰吡咯  | Quinoline/喹啉 | Pyridine/吡啶 | Indole/吲哚 | Phenylacetonitrile/苯乙腈


▲ประเภทและชนิดของสารประกอบกลิ่นในใบชาพร้อมกลิ่นเอกลักษณ์ 


 

เอกสารอ้างอิง:

1. 茶叶里的芳香物质有哪些?https://share.google/fb3P68HysM3WkU7uL

2. 茶叶的各种香气, 都逃不出这几个知识点https://share.google/nFIp9kqd7ADSmos6n

3. 茶叶生物化学 芳香物质http://xhslink.com/o/2MFdJNGjTU9

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568

《คัมภีร์ชา》vs《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย》


      《คัมภีร์ชา》และ《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย》เป็นสองจุดสุดยอดที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับประวัติศาสตร์ทางวัฒนธรรมชาจีน แต่ทว่าพวกมันเป็นสองมิติที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

        - อันก่อนได้ก่อสร้าง​ “โลกทางวิทยาศาสตร์กายภาพ” ของชา

        - อันหลังได้ยกระดับ​ “ขอบเขตทางสุนทรียภาพและจิตวิญญาณ” ของชา


《คัมภีร์ชา》--- “สรีระ”แห่งชา


        เป็นสารานุกรมความรู้เรื่องชาเล่มแรกของโลกที่อธิบายชาอย่างละเอียดและอย่างเป็นระบบ ถือเป็น“คัมภีร์ไบเบิล”ของชา เป็นการนำชาจากการเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งมายกระดับให้เป็นวิชาการและวัฒนธรรมระดับสูง แก่นของเรื่องคือ “เทคนิค/” และ “ทฤษฏี/” 

▲《คัมภีร์ชา/茶经》ลู่อวี่/陆羽 : เขียนขึ้นในปี780 เค้าโครงเรื่องแบ่งออกเป็น 3 หมวด 10 บทประกอบด้วยตัวอักษร 7000 กว่าตัว

     • ผู้แต่ง : ลู่อวี่/陆羽 (ค.ศ.733-804) เป็นนักวิทยาศาสตร์ด้านใบชา นักวิชาการทางวัฒนธรรมชา ได้รับเกียรติสูงสุดให้เป็น “เทพแห่งชา/茶圣


     • ยุคสมัย : ราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907)


     • แก่นแท้ : มันเป็นคำตอบของปัญหา “ชาคืออะไร?” และ “เรื่องชาเป็นเช่นไร?” ตั้งแต่การเพาะปลูก การเด็ดเก็ษ การผลิต การต้มน้ำจนถึงการชิมดื่ม มาจัดให้เป็นระบบทั้งด้านการจัดการทางวัสดุและด้านข้อกำหนดทางเทคนิคได้ครบถ้วนสมบรณ์


     • เนื้อหาใจความที่สำคัญ

        - บุกเบิกการเป็นวิชาการชาอย่างเป็นระบบ :《คัมภีร์ชา》เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องชาโดยเฉพาะครบทุกด้านเล่มแรกของโลก ถูกสรรเสริญเป็นสารานุกรมใบชา

        - การศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ของใบชา : ในหนังสือได้บรรยายอย่างละเอียดถึงสภาพแวดล้อมของการเจริญเติบโตของใบชา มาตรฐานของการเด็ดเก็ษ กรรมวิธีการผลิต เป็นต้น ได้บ่งบอกถึงคุณภาพใบชาว่า “ชาป่าเด่น ชาไร่ด้อย” 

▲“ชาป่าเด่น ชาไร่ด้อย/野者上 , 园者次” อันบ่งชี้ถึงคุณภาพใบชาของ ลู่อวี่

        - กฏเกณฑ์ทางเทคนิคการต้มชา : ได้อธิบายขั้นตอนของการต้มชาผงยุคถังอย่างละเอียด พร้อมได้นำเสนอศิลปะการต้มชาโดย “การต้มน้ำเดือด 3 ลำดับ” โดยถือเอาน้ำเดือดลำดับที่ 2 เป็นสภาวะอุดมคติของการต้มชา การใช้น้ำต้มในสภาวะนี้เหมาะเจาะในการสกัดกลิ่นหอมและรสชาติของใบชาออกมาได้อย่างเต็มที่ 

▲“การต้มน้ำเดือด 3 ลำดับ/三沸判水法” | น้ำเดือดลำดับ2/二沸 : บ่งชี้ถึงน้ำที่ต้มจนร้อนถึง 96-99°C เข้าใกล้จุดเดือดแต่ยังไม่เดือดเต็มที่ เวลานี้ฟองอากาศจะเริ่มปรากฏออกมาจากก้นและผนังกาต้มน้ำอย่างหนาแน่น ราวกับ“น้ำพุที่พุ่งออกมาดั่งไข่มุกร้อยเรียงเป็นสร้อย/涌泉连珠

        - จัดเครื่องมืออุปกรณ์เป็นระบบมาตรฐาน : ได้แนะนำเครื่องมือการทำชาและอุปกรณ์การดื่มชาทั้งหมด 24 ชนิด มีการกำหนดวัสดุ ขนาด และฟังค์ชั่นของเครื่องมืออุปกรณ์เหล่านี้ไว้อย่างเด่นชัด 

▲อุปกรณ์ในกระบวนการต้ม-ดื่มชาครบชุด 24 ชนิด จัดแบ่งออกเป็น 6 ประเภท : “ก่อไฟ/生火”;“น้ำต้ม/煮水”;“ตวงชา/量茶”;“ต้มชา/煮茶”;“ดื่มชา/饮茶”;“บรรจุ/收纳

        - การเสนอจิตวิญญาณแห่งวิถีชา : ได้นำเสนอจิตวิญญาณแห่งวิถีชาแบบฉบับ “สู่การปลูกฝังตน มัธยัสถ์สู่คุณธรรม” เน้นย้ำถึงคุณค่าทางจริยธรรมและความหมายแฝงทางวัฒนธรรมของชา 

▲“สู่การปลูกฝังตน มัธยัสถ์สู่คุณธรรม/精行俭德” : เน้นย้ำถึงการหลอมเป็นหนึ่งเดียวระหว่างคนกับธรรมชาติ ดั่ง“ฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียว/天人合一”อันเป็นระดับจิตวิญญาณที่สูงส่งที่วัฒนธรรมทางตะวันออกถวิลหา

        - เกิดผลกระทบอย่างมากทางวัฒนธรรม :《คัมภีร์ชา》ใม่เพียงก่อเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อพัฒนาการทางวัฒนธรรมชาจีน ยังแพร่ขยายไปถึงแถบเอเชียตะวันออก เช่น “ศิลปะชงชา”ของเกาหลี และ “พิธีชงชา”ของญี่ปุ่น ล้วนได้รับอิทธิพลที่ลึกซึ้ง 

▲(บน) “กงฟูฉา/工夫茶(茶艺)”ของจีน (กลาง) “ศิลปะชงชา/茶礼”ของเกาหลี (ล่าง) “พิธีชงชา/茶道”ของญี่ปุ่น


《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย》--- “วิญญาณ”แห่งชา


        เป็นบทกวีจีนโบราณที่แสดงออกถึงระดับจิตวิญญาณในการเสพสุขทางศิลปะการดื่มชา ถือเป็น“ซิมโฟนีบทเพลงกวี”ของชา ยกระดับการชิมดื่มชาถึงจุดสูงสุดของการการตระหนักรู้ซึ้งทางจิตวิญญาณ แก่นของเรื่องคือ “การตระหนักรับรู้/” และ “ระดับจิตวิญญาณ/” 

▲《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย/七碗茶歌》หลูถง/卢仝 : เป็นบทกวีท่อนหนึ่งใน《เขียนขอบคุณเมิ้งเจี่ยนที่ส่งชาใหม่มาให้ลิ้มลอง/走笔谢孟谏议寄新茶


     • ผู้แต่ง : หลูถง/卢仝 (ค.ศ.795-835) ได้รับการยกย่องให้เป็น “เซียนชา/茶仙


     • ยุคสมัย : ราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907)  


     • แก่นแท้ : มันเป็นคำตอบของคำถาม “ทำไมถึงดื่มชา?” และ “ชาจะไปในทิศทางใด?” มันได้บรรยายให้เห็นภาพถึงความรู้สึกที่เลอเลิศเมื่อระดับจิตวิญญาณหลังการชิมดื่มชาค่อยๆคืบหน้าไปทีละขั้น ก่อเกิดเป็นวิถีทางสุนทรียภาพโดยการที่ทาง“วัตถุ”ทะลุมิติมายังฝั่งตรงข้ามทาง“จิตใจ” 


     • เนื้อหาใจความที่สำคัญ

        - ถ้วยที่1 : ลื่นคล่องคอ (กิเลสทางกาย) | เริ่มต้นจากความต้องการทางกายภาพในการดับกระหายน้ำ

        - ถ้วยที่2 : ซึมเศร้ามลาย (จากกายสู่จิต) | คนกับโลกก็จะค่อยๆแยกห่างจากกัน วิญญาณคืนสู่ร่าง

        - ถ้วยท3 : ตื้นตันใจ (จากจิตเข้าฌาน) | เจริญสมาธิ ปัญญาบังเกิด

        - ถ้วยที่4 : ขับถ่ายเหงื่อ (จากฌานพ้นทุกข์) | สงบสติอารมณ์ ขจัดบ่วงกรรม

        - ถ้วยที่5 : ชำระกาย (ขัดเกลากายใจ) | ชำระกายใจให้บริสุทธิ์ ไม่ยึดติด

        - ถ้วยที่6 : ความเป็นเซียน (บรรลุมรรคผล) | สู่ความเป็นเซียนในพลังยินหยางอย่างสมดุล

        - ถ้วยที่7 : สายลมพัด (อมตภาพ) | ความเป็นเซียนล่องลอยในอากาศสู่แดนสุขาวดี 

▲《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย/七碗茶歌》ตีความตาม “ด้านตัวอักษร/字面” และ “ด้านขั้นจิตวิญญาณ/精神层面


     ข้อสรุปเบื้องต้น


     •《คัมภีร์ชา》: คือ“เทคนิค/” เป็น“พื้นฐาน” หากไม่มีการศึกษาค้นคว้าและข้อกำหนดของ ลู่อวี่ สำหรับชาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบชาอาจเป็นเพียงเครื่องดื่มที่ธรรมดาชนิดหนึ่ง ยากที่กลายเป็นระบบวัฒนธรรมที่กว้างขวางและลึกซึ้ง


     •《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย》: คือ“วิถี/” เป็น“การยกระดับ” หากไม่มีการบรรยายให้เห็นภาพอย่างยิ่งยวดของ หลูถง สำหรับชาแล้ว วัฒนธรรมชาก็อาจจะขาดซึ่งจิตวิญญาณและสีสันแห่งอุดมคติอันน่าประทับใจ 

《คัมภีร์ชา》: เป็นไปอย่างถูกต้อง เป็นวิทยาศาสตร์ ก่อเกิด“โลกทางวัตถุ” |《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย》: เป็นความสละสลวย เป็นปรัชญา  ก่อเกิด“โลกทางจิตวิญญาณ


     การสรุปรวบยอด


        -《คัมภีร์ชา》ของลู่อวี่ ได้มอบโครงสร้างกระดูกให้แก่ชา สามารถยืนได้อย่างมั่นคง《บทเพลงชาเจ็ดถ้วย》ของหลูถง ได้ฉีดวิญญาณและพลังชี่กับเลือดเข้าไปในชา ทำให้บินเพดานสูง 

        - สองสิ่งนี้--หนึ่งหยินหนึ่งหยาง หนึ่งความเป็นจริงหนึ่งความว่างเปล่า ร่วมด้วยช่วยกันผลักดันวัฒนธรรมชาจีนให้อยู่ในระดับที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เพียงหนึ่งเดียวในโลก

        - เมื่อชิมดื่มชา พวกเราต้องนำศิลปะเทคนิคของลู่อวี่มาชงชาจอกนี้ แล้วต้องการระดับจิตวิญญาณของหลูถงมาลิ้มรสดื่มด่ำของชาจอกนี้



เอกสารอ้างอิง:

1. บทเพลงชา 7 ถ้วยของหลูถง : https://puerthaiblog.blogspot.com/2019/09/7.html

2. การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา (1/3) : https://puerthaiblog.blogspot.com/2025/09/13.html

3. การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา (2/3) : https://puerthaiblog.blogspot.com/2025/09/23.html

4. การย้อนแย้งของอุตสาหกรรมชา (3/3) : https://puerthaiblog.blogspot.com/2025/09/33.html