วันพฤหัสบดีที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนต้น-3)

ตอนที่ 3 : หลักฐานอ้างอิงทางชีววิทยาต่อการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันของชาผูเอ๋อร์
普洱茶能降低猝死风险吗 ? (上)
普洱茶降低猝死风险的生物学依据 (三)



        การดื่มชาผูเอ๋อร์รูปแบบการทำให้เข้มข้นขึ้นในตอนเช้า บังเกิดผลในการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหัน นี่เป็นเพราะว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ(Coronary Heart Disase) โรคสมองอุดตาย(Cerebral Infraction) โรคลมชัก(Apoplexy) เป็นต้นมักจะเกิดปะทุขึ้นในตอนเช้าช่วงเวลา 7:00-9:00 น. (แต่ไม่จริงแท้เสมอไป) อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือชาผูเอ๋อร์ประกอบด้วยคาแฟอิน(咖啡碱) ซึ่งคาแฟอินนี้คือสารแอลคาลอยด์(生物碱)ชนิดพิเศษ หน้าที่ทางสรีรวิทยาที่พื้นฐานที่สุดคือก่อให้เกิดการต้านฤทธิ์กัน(Antagonism)เชิงเข้าไปแข่งขันกับตัวรับอะดีโนซีน(Adenosine Receptor) ทางเภสัชวิทยา คือส่งผลถึงการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เพิ่มปริมาณเลือดที่เข้าสู่ไต(Renal Blood Flow) การขับปัสสาวะ(Diuresis)และบำรุงหัวใจ(Cardiotonic) เป็นต้น ขณะเดียวกัน มันยังสามารถเพิ่มความดันโลหิตสูง เพิ่มปริมาณสารแคธีโคลามีน(Catecholamine)ในเลือด เพิ่มฤทธิ์ของโปรตีเอสความดันโลหิตสูง(Protease Hypertension)ในเลือด เพิ่มระดับอนุมูลอิสระของกรดไขมันในซีรั่ม(Serum)ให้สูงขึ้น เพิ่มการหลั่งของกรดกระเพาะ(Gastric Acid)

        ในการดำเนินการทดลองทางชีววิทยาของชาผูเอ๋อร์ต่อการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันของพวกเรานั้น มีความตระหนักในการนำกาแฟวางไว้ในตำแหน่งของวัตถุอ้างอิง ด้านหนึ่งคือกาแฟมีเคสการทดลองและข้อมูลทางการป้องกันการตายอย่างกะทันหันอย่างมากมาย สามารถที่จะนำมาเป็นหลักฐานเทียบเคียงได้ ; อีกด้านหนึ่ง หลังจากผ่านการทดลองเชิงเปรียบเทียบแล้ว ทำให้ข้อพิสูจน์ของชาผูเอ๋อร์เป็นที่เชื่อใจได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบที่เชื่อมโยงเกี่ยวข้องถึงชาผูเอ๋อร์และกาแฟในการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันของร่างกายมนุษย์ต่อจากนี้ไป ซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยออกมาของชาผูเอ๋อร์เป็นที่เหนือกว่ากาแฟ มิใช่เป็นการลดทอนและการทำให้ด้อยลงในคุณค่าการชิมดื่มของกาแฟเป็นอันขาด

        พวกเราได้พยายามทำการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบใน 4 ด้านด้วยกัน :

        1. ปริมาณคาแฟอินที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในชาผูเอ๋อร์สูงกว่ากาแฟในระดับเกือบ 1 เท่าหรือเกินกว่า 1 เท่า

        ปริมาณคาแฟอินใน 100 กรัมของชาผูเอ๋อร์คือ 3-5 กรัม ส่วนปริมาณคาแฟอินใน 100 กรัมของกาแฟ(เมล็ด ผง)มีเพียง 1.3-1.9 กรัม ภายใต้เบื้องต้นคาแฟอินที่ถูกละลายออกมา 80% ของของเหลวในปริมาณที่เท่ากันที่ทำให้เข้มข้นขึ้นจากวัตถุดิบในจำนวนเดียวกัน “ปริมาณการรับยา”(Administered) ของชาผูเอ๋อร์มีปริมาณมากกว่ากาแฟเพิ่มขึ้นเป็น 1 เท่าอย่างเด่นชัด ดังนั้น ด้านการขยายหลอดเลือด เพิ่มปริมาณเลือดเข้าสู่ไต เป็นต้น “ผลปฏิบัติการสอดแทรก”(干预作用) ของคาแฟอินในชาผูเอ๋อร์เหนือกว่าการแฟอย่างเห็นได้ชัด ผลลัพธ์ก็ดีกว่ากาแฟ



        2. ในชาผูเอ๋อร์ประกอบด้วยสารแอลคาลอยด์ที่กาแฟไม่มี สารแอลคาลอยด์นี้จะมีสารธีโอฟิลลีน ซึ่งมีสรรพคุณบำรุงหัวใจ(คล้ายคลึงกับยาบำรุงหัวใจ)

        ชาผูเอ๋อร์ไม่เพียงเฉพาะมีคาแฟอิน แต่สารแอลคาลอยด์(Alkaloid)ที่ก่อตัวขึ้นจากคาแฟอินอันเป็นสารหลัก ท่ามกลางนี้ แอลคาลอยด์บางชนิดที่ทั้งชาผูเอ๋อร์และกาแฟต่างมีร่วมกัน บางชนิดที่กาแฟไม่มี ในนี้ก็มีแอลคาลอยด์ชนิดหนึ่งที่สำคัญมาก----ธีโอฟิลลีน(茶碱) ซึ่งมีเฉพาะในใบชา ธีโอฟิลลีนถือเป็นวัตถุยากลุ่มเมทธิลพิวรีน(Methyl Purine) มีหน้าที่คล้ายคลึงกับยาบำรุงหัวใจ บังเกิดผลทางบำรุงหัวใจ การขับปัสสาวะ ขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ การคลายหลอดลมกล้ามเนื้อเรียบและกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เป็นต้น แม้ว่าปริมาณที่เป็นองค์ประกอบของมันจะต่ำมาก มีเพียง 0.003% (พันธุ์ใบกลางเล็กมีเพียง 0.002%) แต่คุณค่าทางยาสูงมาก นี่ก็คือหลักฐานอ้างอิงหนึ่งที่สำคัญในผลสรุปของพวกเราที่ให้ปฏิบัติการบนการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันของชาผูเอ๋อร์เหนือกว่ากาแฟ อันที่จริง แอลคาลอยด์ในชาผูเอ๋อร์หลักใหญ่แบ่งออกเป็นพิวรีนเบส(Purine Base)และไพริมิดีนเบส(Pyrimidine Base)สองประเภท ประเภทพิวรีนเบสประกอบด้วยคาแฟอิน(Caffeine) ธีโอโบรมีน(Theobromine) ธีโอฟิลลีน(Theophilline) แซนทีน(Xanthine) ไฮโพแซนทีน(Hypoxanthine) เลียนแบบแซนทีน(Imitae Xanthine) อะดีนีน(Adenine) อะไซโคลเวียร์(Acyclovir) เป็นต้นรวม 8 ชนิด ทั้งหมดนี้ชนิดที่มีปริมาณองค์ประกอบมากที่สุดคือคาแฟอิน คิดเป็น 3-5% ของปริมาณชาแห้งทั้งหมด รองลงมาคือธีโอโบรมีน คิดเป็น 0.05% ของปริมาณชาแห้งทั้งหมด รองลงมาอีกคือธีโอฟิลลีน คิดเป็น 0.003% ของปริมาณชาแห้งทั้งหมด ส่วยพิวรีนชนิดอื่นๆมีปริมาณองค์ประกอบยิ่งต่ำลงมาก ดังนั้น ในวงการทางวิชาการคุ้นเคยที่เรียกขานคาแฟอินเป็นตัวแทนของแอลคาลอยด์ในใบชา ประเภทไพริมิดีนเบสประกอบด้วยยูราซิล(Uracil : 2.4 Dihydroxypyrimidine) ไทมีน(Thymine : 5-Methyl-2.4-Dioxypyrimidine) ไซโทซีน(Cytosine : 2-Hydroxyl-4-Aminopyrimidine) รวมเป็น 3 ชนิด

        สิ่งที่ต้องการกล่าวให้ชัดแจ้งก็คือ ตัวของพิวรีนไม่สามารถดำรงอยู่โดยลำพังตัวของมันเองได้ในท่ามกลางธรรมชาติ มันประกอบด้วยวงแหวนตัวแม่ 2 ตัว-----ระบบเฮเทอโรไซคลิก(Heterocyclic System)ที่เกิดจากการควบแน่นของไพริมิดีนและอิมิดาโซล(Imidazole) แต่สารอนุพันธ์กลุ่ม ไฮดรอกซิล(Hydroxyl) อะมิโน(Amino) เมทธิล(Methyl) ของมันล้วนเป็นสสารทางธรรมชาติของต้นชาและใบชา เป็นสารประกอบปฐมภูมิ(Primary Metabolites)ของพืช ซึ่งก็คือสารอาหารจากพืชชนิดหนึ่งที่พวกเรากล่าวถึงอยู่เสมอๆ สารประเภทพิวรีนเบสทั้ง 8 ชนิดในใบชาก็เป็นเพียงสารอยู่ในกลุ่มนี้



        3. กระบวนการหมักของชาผูเอ๋อร์ปรากฏสารประกอบทุติยภูมิจำนวนมากที่เพียบพร้อมด้วยคุณค่าทางยา

        นี่คืออีกหลักฐานอ้างอิงหนึ่งที่สำคัญของชาผูเอ๋อร์ในการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันที่เหนือกว่ากาแฟ อย่างการหมักกองบวกกับการหมักภายหลังหลังการอัดขึ้นรูปของชาสุก การหมักภายหลังหลังการอัดขึ้นรูปของชาดิบ ล้วนเกี่ยวข้องกับการหมัก และกระนั้น การหมักของมันมีกระบวนการการหมักโดยแบคที่เรียที่ต้องการออกซิเจน(การหมักที่ต้องใช้ออกซิเจน) การหมักที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจน การหมักกึ่งไม่ต้องใช้ออกซิเจน กระบวนการเหล่านี้จะปรากฏสารประกอบทุติยภูมิ(Secondary Metabolites)ออกมาเป็นจำนวนมาก สารประกอบทุติยภูมิเหล่านี้ส่วนใหญ่มีส่วนประกอบที่มีคุณสมบัติทางยา ล้วนช่วยในการเยียวยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น พิจารณาจากอีกมุมมองหนึ่ง คือเป็นการช่วยให้บังเกิดผลในการป้องกันการตายอย่างกะทันหันอย่างใหญ่หลวงเช่นกัน สิ่งที่มีคุณค่าที่ต้องกล่าวถึงก็คือ พวกมันทุกตัวล้วนมีปริมาณส่วนประกอบน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นสารโมเลกุลเล็ก ถือเป็นระดับไมโครและปริมาณอันน้อยนิด แทบจะตรวจวัดไม่เจอในสภาวะปกติ ยิ่งไม่ถึงระดับ “ปริมาณการรับยา” ตามที่ความต้องการ ดังนั้น จึงไม่สามารถนำพวกมันจัดเป็น “ยาเจาะจงเป้าหมาย”(Targeted Drug) อย่างง่ายๆได้ แต่ทว่า การออกฤทธิ์ของพวกมันสูงมาก จึงส่งผลทางสรีรวิทยาต่อร่างกายมนุษย์อย่างเด่นชัด ในการทดลองทางชีววิทยาของชาผูเอ๋อร์ ข้อมูลมากมายก็ได้บ่งชี้ออกมา ผลลัพธ์ของชาที่ผ่านการหมักมาแล้วดีกว่าชาที่ยังไม่เกิดการหมัก

        4. สารจำพวกไขมันจำนวนมากที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในกาแฟ คิดเป็นปริมาณของไขมันสูงถึง 16%

        สารจำพวกไขมันสูงของกาแฟคือที่มาที่สำคัญของกลิ่นหอมกาแฟที่เต็มเปี่ยม แต่ไขมันในใบชาเป็นศูนย์ ไม่มีกลิ่นหอมแรงอย่างกาแฟ แต่สำหรับการป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดแดงแข็ง เป็นต้น-----การดื่มกาแฟเป็นระยะเวลาอันยาวนาน มีโอกาสนำไปสู่การเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด(Cardiovascular Disease) กล่าวทางด้านความปลอกภัยทางการดื่มแล้ว ใบชาจะปลอดภัยกว่ากาแฟ และกระนั้น การศึกษาค้นคว้าวิจัยทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้เปิดเผยออกมาว่า เครื่องดื่ม 3 ผู้ยิ่งใหญ่บนโลก : กาแฟ โกโก้ ใบชา ใบชาได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นเครื่องดื่มที่ปลอดภัยที่สุด

........ยังมีต่อ........
โปรดติดตาม《ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนจบ)》


แปล-เรียบเรียง จากบทความ《ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนต้น)》ตอนที่ 3---เขียนโดย เฉินเจี๋ย

ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนจบ-1)

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนต้น-2)

ตอนที่ 2 : การทดลองทางชีววิทยาของ “ชาย่าง” ที่ลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหัน
普洱茶能降低猝死风险吗 ? (上)
“烤茶” 降低猝死风险的生物实验 (二)



        พวกเรามักมีความเคยชินอย่างหนึ่ง คือเมื่อต้องการให้ร่างกายตื่นตัวกระปรี้กระเปร่าแล้ว งั้นต้องชงชาดื่มสักจอก ไม่งั้นก็ดื่มกาแฟสักถ้วย เหตุผลง่ายมาก พรรณพืชสองชนิดนี้ล้วนประกอบด้วยคาแฟอิน(Caffeine) คาแฟอินมีผลในการกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ของยุโรปและสหรัฐแนะนำให้ดื่มกาแฟในตอนเช้า สามารถลดอุบัติการณ์ของการตายอย่างกะทันหัน(Sudden Death)ได้ แต่สำหรับชาแล้ว ไม่เคยมีคำกล่าวทางด้านนี้มาก่อนเลย

        การทดลองครั้งนี้ของพวกเราเป็นการตรวจสอบปริมาณคาแฟอินที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในชาและกาแฟบนฐานในจำนวนที่เท่ากัน ตัวอย่างการทดลองของพวกเราแยกเป็นชาดิบผูเอ๋อร์(ชาใบ)เขาจิ่งม้ายจาก Yunnan Brillant PuEr Fazenda Co., Ltd. และผงกาแฟชื่อดังของประเทศหนึ่งซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด

        พวกเราให้ผู้ทำการทดลองนำตัวอย่างชาผูเอ๋อร์และผงกาแฟอย่างละ 5 กรัม มาชงด้วยน้ำเดือด 300 มิลลิลิตร แช่นาน 20 นาที ทุกๆ 5 นาทีทำการคนหนึ่งครั้งเพื่อให้กาแฟเกิดการละลายอย่างเต็มที่ เพื่อให้ใบชาชงออกมาถึงที่สุด ผ่านการกรองหลังเย็นตัวลง แล้วนำตัวอย่างไปทำการแสดงผลโดยเครื่อง High-Performance Liquid Chromatography

        การทดลองบ่งชี้ว่า : ปริมาณคาแฟอินประกอบอยู่ใน 5 กรัมของผงกาแฟที่ละลายทันทีคือ 195 มิลลิกรัม ปริมาณคาแฟอินประกอบอยู่ใน 5 กรัมของชาดิบผูเอ๋อร์คือ 236 มิลลิกรัม ผลสรุปคือชาและกาแฟในจำนวนที่เท่ากันภายใต้เงื่อนไขการเตรียมการที่เหมือนกัน ปริมาณคาแฟอินที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในใบชาสูงกว่ากาแฟ

        อันที่จริงผลสรุปครั้งนี้ไม่ใช่เป็นผลครั้งแรกที่พวกเราสรุปออกมา องค์การวิจัยทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากก่อนหน้านี้ได้เคยทำการตรวจสอบที่มีลักษณะคล้ายกันมาแล้ว นอกจากข้อมูลที่ผันแปรเพียงเล็กน้อย(อันเนื่องมาจากตัวอย่างการทดลองที่ไม่เหมือนกัน) แต่ผลสรุปออกมาเหมือนกัน การทดลองของพวกเราถือเป็นการทำซ้ำเท่านั้น



ปริมาณคาแฟอินใน 100 กรัมของกาแฟ ชาผูเอ๋อร์
ชนิด
ปริมาณคาแฟอิน (กรัม)
กาแฟ
ระหว่าง 1.3 - 1.9
       ชาผูเอ๋อร์        (ชาดิบ 5 ปี)
ระหว่าง 3 -5

        ข้อมูลเปรียบเทียบของคาแฟอินข้างต้น บ่งบอกข้อเท็จจริงหนึ่งว่า ปริมาณคาแฟอินในชาผูเอ๋อร์สูงกว่ากาแฟ

        ในนี้มีข้อสงสัยหนึ่ง ทำไมถึงมีการคิดขึ้นมาว่ากาแฟป้องกันการตายอย่างกะทันหันได้? แต่เหตุไฉนชาผูเอ๋อร์ถึงไม่มีเล่า? กระทั่งการกล่าวเฉพาะทางด้านผลของการกระตุ้นให้สดชื่นแล้ว ตราบจนถึงทุกวันนี้ทำไมยังเชื่อว่ากาแฟสูงกว่าชาที่พวกเราดื่มอยู่เป็นประจำ?

        ในระหว่างที่พวกเราทำการสืบค้นเข้าไป พวกเราค้นพบว่า เป็นเพราะเนื่องจากวิธีการชิมดื่มที่ไม่เหมือนกัน เมื่อตอนที่พวกเราชิมดื่มกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟชนิดละลายทันที หรือเป็นเมล็ดกาแฟบด สุดท้ายคือล้วนนำกาแฟ 5-10 กรัมทำให้เข้มข้นอยู่ในถ้วยเดียว แต่ช่วงเวลาที่พวกเราดื่มชา เป็นการนำชาแห้ง 5-10 กรัมทำการชงออกมาเป็นจอกแล้วจอกเล่า แม้ว่าจะทำการดื่มหมดโดยตัวเอง ก็ต้องลากเวลาออกไปในการดื่มแต่ละจอก เวลาที่ยืดยาวออกไป ทำให้ผลของปริมาณการสะสมลดต่ำลง ดำรง “ปริมาณการรับยา”(Administered) ไม่เพียงพอชั่วขณะนั้น

        เมื่อเป็นประการฉะนี้ แม้ว่าชาผูเอ๋อร์มีปริมาณคาแฟอินต่อหน่วยสูงกว่ากาแฟ แต่เนื่องจากวิธีการชงดื่มไม่เหมือนกัน จึงไม่เคยมีการคิดขึ้นมาว่าป้องกันการตายอย่างกะทันหันได้ ผู้คนก็ยังคงเชื่อว่าผลการออกฤทธิ์ของกาแฟสูงกว่าชาผูเอ๋อร์

        รูปแบบของ “ชาย่าง” ทำให้วิถีการมองแบบนี้ของพวกเราเปลี่ยนไป มันคล้ายคลึงกับรูปแบบการชงดื่มกาแฟ คือการนำชาหยิบมือเดียว(8-15 กรัม)ทำให้เข้มข้นขึ้นเป็นน้ำชาถ้วยเดียว(เข้มข้นกว่าน้ำชาทั่วไปมาก) ซึ่งมีปริมาณคาแฟอินสูงกว่ากาแฟมาก

        แต่ทว่า มุมมองนี้เป็นเพียงการคาดเดาจากประสบการณ์ ขาดซึ่งการพิสูจน์โดยการทดลอง เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจึงได้ดำเนินการทดลองทางชีววิทยาขึ้นเป็นครั้งแรก


หัวข้อการทดลอง : ผลกระทบของ "ชาย่าง" และกาแฟต่อการป้องกันการตายอย่างกะทันหันของสัตว์

จุดประสงค์ของการทดลอง : ผ่านการป้อนสาร “ชาย่าง” และกาแฟปริมาณมากในตอนเช้า เฝ้าสังเกตผลของ “ชาเข้ม” และกาแฟต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ(Coronary Heart Disase)อันนำไปสู่การตายอย่างกะทันหันของหนูทดลอง เพื่อยืนยันผลทางสรีรวิทยาของคาแฟอินใน “ชาเข้ม” และกาแฟ วิเคราะห์ประสิทธิ์ภาพของ “กลไกการออกฤทธิ์ทางยา”(Medicinal Mechanism

เป้าหมายของการทดลอง : หนูทดลอง “แบบมีภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัว(Arteriosclesis)นำไปสู่การเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ” การทดลองใช้หนูทดลองตัวผู้พันธุ์คุนหมิง 36 ตัว น้ำหนักตัว 17-20 กรัม จัดหามาโดยห้องทดลองสัตว์มหาวิทยาลัยทางการแพทย์ประเทศจีน จัดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มโดยการสุ่ม แยกออกเป็น : 
        A  ป้อนชาย่างให้กิน เป็นกลุ่มทดลอง
        B  ป้อนกาแฟให้กิน เป็นกลุ่มทดลอง
        C  ป้อนน้ำบริสุทธิ์ให้กิน เป็นกลุ่มควบคุม

ตัวอย่างการทดลอง (1) : ชาผูเอ๋อร์(เหมาฉาตากเขียวเกรด 7)เขาจิ่งม้ายจาก Yunnan Brillant PuEr Fazenda Co., Ltd.

ตัวอย่างการทดลอง (2) : ผงกาแฟยี่ห้อดังจากอิตาลี(หาซื้อจากท้องตลาด)

ขั้นตอนและวิธีการของการทดลอง :
① นำเหมาฉามาชงโดยรูปแบบของชาย่าง ได้น้ำชาที่ใกลัเคียงกับการทำให้เข้มข้น นำผงกาแฟมาชงโดยวิธีการไซฟอน(Siphon Coffee Maker)ได้กาแฟเข้มข้น
② เติมน้ำตาลเทียมลงใน “ชาเข้ม” และกาแฟ(ง่ายต่อการป้อนให้กิน)
③ ทำการป้อนให้กินเวลา 7:00 น. ในตอนเช้าของทุกวัน ช่วงเวลา 9:00 ถึง 21:00 น. แบ่งออกเป็น 4 ครั้งเพื่อป้อนอาหารสัตว์ที่มีไขมันสูง(แคลอรี่สูง) ขอบเขตของกิจกรรม กำหนดช่วงระยะเวลา 3 เดือน
④ 15 วันหลังจาก 3 เดือนผ่านไปสอดแทรกการใช้อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ ช่วงเวลากลางวันตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 25ºC ช่วงเช้าและกลางคืนลดเหลือ 3ºC-5ºC (จำลองความแปรปรวนของอุณหภูมิที่แตกต่างกันของเขาชาในฤดูหนาว อุณหภูมิที่ต่ำมากเกินไปก่อให้เกิดการหดตัวของหลอดเลือดอันนำไปสู่อุบัติการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและสมองอุดตาย)



ผลการทดลอง : ตารางทางสถิติแสดงปริมาณการตายจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบปะทุขึ้น อัตราการตาย อัตราการป้องกันการตายอย่างกะทันหัน
กลุ่ม
        A         (กลุ่มทดลอง)
        B          (กลุ่มทดลอง)
        C          (กลุ่มควบคุม)
หนูทดลอง (จำนวน)
12 ตัว
12 ตัว
12 ตัว
ปริมาณการตายสะสม
8 ตัว
9 ตัว
11 ตัว
อัตราการตาย
66.66%
75%
91%
อัตราการป้องกันการตายอย่างกะทันหัน
33%
25%
8%

(หมายเหตุ : ข้อมูลการทดลองข้างต้นเป็นเพียงตัวแทนของผลการทดลองครั้งนี้)

การผ่าและพิสูจน์ศพและผลสรุปเบื้องต้นของการทดลอง :
        การตายของหนูทดลองเกิดจากปัจจัยหลายๆสาเหตุด้วยกัน ผ่านจากการผ่าศพสัตว์และร่างเป็น(สัตว์ที่ยังไม่ตาย) จะได้หลักฐานทางการแพทย์ที่ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น

ด้านการวิเคราะห์จากการผ่าและพิสูจน์ศพหลักใหญ่ดำเนินการแวดล้อม 8 ด้านด้วยกัน :
① การกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและการหายใจ
② การขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ(Coronary Artery)
③ การกระตุ้นกล้ามเนื้อหัวใจ(Cardiac Muscle)
④ การคลายของกล้ามเนื้อลาย(Striated Muscle)
⑤ การกระตุ้นกล้ามเนื้อยึดกระดูก(Skeletal Muscle)
⑥ การคลายของกล้ามเนื้อเรียบ(Smooth Muscle)
⑦ การขับปัสสาวะ(Diuresis)
⑧ การวิเคราะห์เปรียบเทียบความเป็นพิษ
        (เนื้อหาที่เชื่อมโยงข้างต้น ในที่นี้จะไม่ให้รายละเอียด เนื่องจากจุดสำคัญของบทความนี้เพื่อเป็นการแบ่งปัน “กระบวนการวิจัยทางวิทยาศาสตร์” ที่ปรากฏออกมา ซึ่งแตกต่างจากวิทยานิพนธ์ทางวิชาการบริสุทธิ์)

ผลสรุปเบื้องต้นหลังผ่านการทดลองและการวิเคราะห์จากการผ่าศพ :

• ดื่ม “ชาเข้ม” ผูเอ๋อร์ที่ชงพิเศษหนึ่งถ้วยในตอนเช้า สามารถลดอุบัติการณ์ของความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหัน
• ดื่มกาแฟที่ทำให้เข้มข้นหนึ่งถ้วยในตอนเช้าสามารถลดอุบัติการณ์ของความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหัน
• ประสิทธิภาพการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันของชาผูเอ๋อร์สูงกว่ากาแฟ

........ยังมีต่อ........


แปล-เรียบเรียง จากบทความ《ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนต้น)》ตอนที่ 2---เขียนโดย เฉินเจี๋ย


วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนต้น-1)

ตอนที่ 1 : การทดลองทางชีววิทยาเชิงอนุกรมริเริ่มจากประเพณี “ชาย่าง” ที่ดูเสมือนล้าหลัง
普洱茶能降低猝死风险吗 ? (上)
一个看似落后的 “烤茶” 习俗引发的系列生物实验 (一)



หมายเหตุบรรณาธิการ :
        มีคำกล่าวที่นิยมพูดกันในวงการกาแฟว่า ทุกเช้าดื่มกาแฟหนึ่งถ้วยสามารถป้องกันการตายอย่างกะทันหันได้
        แต่สำหรับชาผูเอ๋อร์ แม้กระทั่งรวมใบชาทุกชนิด ตั้งแต่โบราณกาลจวบจนถึงปัจจุบัน ยังไม่เคยมีคำกล่าวที่ว่าป้องกันการตายอย่างกะทันหันได้


        บทความนี้คือการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เชิงอนุกรมซึ่งริเริ่มโดยผ่านวิถีชีวิตที่เฉพาะเจาะจงและพิเศษของผู้อาวุโสแห่งขุนเขาชาหยินหนาน

        จึงขอนำเสนอ “วิธีการผลิตและวิธีการดื่มที่พิเศษเฉพาะของชาผูเอ๋อร์สามารถป้องกันการตายอย่างกะทันหันได้

        มุมมองและการคิดขึ้นลักษณะเช่นนี้ถือเป็นครั้งแรกในวงการใบชา

        และก็สามารถกล่าวได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการค้นพบใหม่ของชาผูเอ๋อร์

        ผู้คนจำนวนมากเมื่อได้เห็นชื่อเรื่องนี้แล้ว จะหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ นี่คงไม่ใช่อีกหนึ่ง “หัวข้ออันเป็นเท็จ”(伪命题) หลอกนะ? การทดลองครั้งนี้ก่อเกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจต่อประเพณีการดื่ม “ชาย่าง”(烤茶) ที่สืบทอดจากประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านโบราณบางส่วนในเขตพื้นที่ผลิตชาหยินหนาน

        คนพื้นที่ โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยที่มีขนบธรรมเนียมหนึ่ง สิ่งแรกที่ปฏิบัติในตอนเช้าของทุกวันคือการนั่งรอบกองไฟดื่ม “ชาย่าง” หนึ่งถ้วย



        “ชาย่าง” ถ้ากล่าวให้ถูกต้องมากยิ่งขึ้นก็คือ “ชาย่างถ้วยดิน”(罐罐烤茶) และเรียกขานทั่วไปว่า “บ๋ายเต่าฉา”(百抖茶) คือการนำถ้วยดินใบหนึ่งแล้วนำใบชาแห้ง(เหมาฉาเขียวที่ใบชาค่อนข้างหยาบแก่ผ่านการนวดด้วยมือและตากแห้งมาแล้ว)หยิบมือเดียวใส่เข้าไป แล้ววางบนกองไฟเพื่อทำการปิ้งย่าง หลังผ่านไปสักครู่ไม่กี่นาที ถ้วยดินก็จะร้อน เมื่อใบชาในถ้วยดินปรากฏเสียง “PiPa” ออกมา จึงเติมน้ำร้อนลงไป ทันใดนั้นถ้วยดินจะเกิด “ฟู่ฟู่” ดั่งน้ำเดือดพุ่งออกมา ฟองอากาศก็จะล้นออกมาจากปากถ้วยดินทันที ณ ช่วงเวลานั้น คนทำการย่างชาก็จะยกถ้วยดินออกจากกองไฟ รินน้ำชาที่เดือดปุดๆลงไปในถ้วยใบหนึ่ง แล้วทำการดื่มในขณะที่กำลังร้อนอยู่

        ชาแบบนี้จะขมสุดๆ เข้มสุดๆ ฝาดสุดๆ แน่นอนก็ยัง “กระตุ้น” สุดๆ ผู้คนที่ไม่มีประสบการณ์กับชาแบบนี้ เมื่อดื่มครั้งแรก โดยทั่วไปล้วนจะปรากฏอาการของ “นอนไม่หลับ” หรือ “เมาชา” ดังนั้น ขนบธรรมเนียมการดื่ม “ชาย่าง” แบบนี้ นอกจากคนพื้นที่แล้ว คนนอกพื้นที่จำนวนน้อยมากที่สามารถรับได้

        ถ้าเช่นนั้น มันกับการลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันเกี่ยวข้องกันอย่างไร?

        เขตพื้นที่ผลิตใบชาของหยินหนาน โดยเฉพาะขุนเขาชาที่มีความสูงระดับน้ำทะเลเกินกว่า 1000 เมตรขึ้นไป อุณหภูมิตอนเช้าตรู่ กลางวัน กลางคืนแตกต่างกันมาก ช่วงเช้าภายในเขาใหญ่จะเย็นยะเยือก ในฤดูหนาว อุณหภูมิจะต่ำเพียง 3ºC-5ºC ซึ่งสามารถทำให้หลอดเลือดของพวกเราเกิดการหดตัวโดยทันที อันเป็นเหตุให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย(Myocardial Infraction)และสมองอุดตาย(Cerebral Infraction)เกิดการปะทุขึ้นมาได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีอายุค่อนข้างสูง(70 ปีขึ้นไป) ฤดูหนาวเป็นฤดูกาลที่เกิดปรากฏการณ์การตายอย่างกะทันหัน(Sudden Death)โดยสม่ำเสมอ เป็นนักฆ่าหมายเลขหนึ่งที่ขัดขวางการมีอายุยืนยาว มีหลักฐานข้างเคียงที่สามารถยืนยันตรวจุดนี้ได้ ก็คือเขตพื้นที่ทางภาคอีสานของเมืองจีน ทุกฤดูหนาวที่เยื้องกรายมาถึง การปะทุขึ้นมาของกล้ามเนื้อหัวใจตายและสมองอุดตายของคนวัยกลางและคนแก่จะสูงกว่าฤดูกาลอื่น 3-5 เท่า สาเหตุหนึ่งที่สำคัญก็คือสภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นเกินไปทำให้เกิดปรากฏการณ์การตายอย่างกะทันหันอันเนื่องมาจากหลอดเลือดในร่างกายคนเราเกิดการหดตัวอย่างเฉียบพลัน



        แต่จากการสำรวจในเขตพื้นที่ชาจำนวนมากของหยินหนาน ได้ค้นพบปรากฏการณ์หนึ่งที่แปลกประหลาด ก็คืออัตราการตายอย่างกะทันหันต่ำมาก แม้ว่าการตรวจสอบหาความจริงเหล่านี้มีข้อจำกัด(เนื่องจากการตรวจสอบอย่างเป็นทางการควรมาจากข้อมูลของหน่วยงานสาธารณสุขที่มีอำนาจหน้าที่ของประเทศ)

        นี่ทำให้พวกเราเกิดข้อสงสัยว่า การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่แตกต่างกันอย่างมากในพื้นที่แต่ไม่ทำให้เกิดนักฆ่าหมายเลขหนึ่งของผู้อยู่อาศัยในเขาชา โดยเฉพาะสำหรับคนแก่ เหตุผลในนี้คืออะไรกันแน่?

        เมื่อเจาะลึกเข้าไปในวิถีชีวิตของพวกเขาอย่างละเอียดแล้ว คุณจะค้นพบว่า ภายใต้สภาพแวดล้อมอันกว้างใหญ่ที่อากาศบริสุทธิ์ พื้นที่สีเขียวเต็มทั่วไปหมด ไม่มีมลภาวะ แต่สภาพแวดล้อมเล็กๆที่พวกเขาอาศัยอยู่(สภาวะภายใน)ซึ่งล้าหลัง สภาวะสุขอนามัยค่อนข้างแย่ บ้านเรือนส่วนใหญ่ยังใช้ส้วมหลุมตราบจนถึงทุกวันนี้

        การกินการดื่มของพวกเขาก็ไม่ถูกสุขลักษณะ แม้ว่าวัตถุอาหารจะเป็นพวกพืชสีเขียวที่ไม่มีมลพิษ แต่อาหารที่ผ่านการปรุงของพวกเขาแล้วจะค่อนข้างเค็ม(เกลือสูง) ประจวบเหมาะที่เป็นผลทำให้เกิดความดันเลือดสูง ประกอบกับโดยทั่วไปพวกเขาจะสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า เป็นต้นอันเป็นนิสัยที่ไม่ดี ซึ่งก็เป็นนักฆ่าที่นำไปสู่การเกิดอาการของโรคต่างๆ

        ยังมีอีกมากมาย........พวกเราไม่สามารถหาสาเหตุของอัตราการตายอย่างกะทันหันที่ต่ำได้

        หลังผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นลำดับตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเราได้ล็อคสายตาอยู่บน “ชาย่าง” ในเวลาเช้าตรู่ของทุกวัน

........ยังมีต่อ........


แปล-เรียบเรียง จากบทความ《ชาผูเอ๋อร์สามารถลดความเสี่ยงการตายอย่างกะทันหันหรือไม่ ? (ตอนต้น)》ตอนที่ 1---เขียนโดย เฉินเจี๋ย